สมเด็จพระสันตะปาปาฟรานซิส เสด็จฯเยือนประเทศในแถบกึ่งทะเลทรายซาฮาราเป็นเวลา 7 วัน พระองค์จะทรงเยือนโมซัมบิก มาดากัสการ์ และมอริเชียส มีรายงานคาดว่าพระองค์จะเน้นย้ำเรื่องการประคับประคองกระบวนการสันติภาพที่เปราะบางในโมซัมบิก เพราะเมื่อเดือนที่แล้วรัฐบาลกับฝ่ายค้านเพิ่งจะลงนามในข้อตกลงหยุดยิงถาวรกันและจะมีการเลือกตั้งในเดือนตุลาคม หลายฝ่ายเกรงว่าอาจมีเหตุรุนแรงเกิดขึ้น นอกจากนี้ สมเด็จพระสันตะปาปาจะตรัสถึงปัญหาความยากจน ข้อมูลจากโครงการอาหารโลก ระบุว่า ประชากรร้อยละ 80 ของโมซัมบิกมีรายได้ไม่พอที่จะซื้อหาอาหารที่ถูกหลักโภชนาการ ส่วนที่มาดากัสการ์ ประชากรกว่าร้อยละ 90 ก็มีรายได้ไม่ถึงวันละ 2 ดอลลาร์สหรัฐฯ หรือราว 60 บาท จากปัญหาไฟป่าแอมะซอน ก็เป็นโอกาสที่พระองค์จะได้ทรงตรัสถึงการอนุรักษ์สิ่งแวดล้อม การแก้ปัญหาการเปลี่ยนแปลงของสภาพอากาศ และการส่งเสริมการพัฒนาอย่างยั่งยืน
สำนักข่าวเอเอฟพี รายงานเกี่ยวกับ 200 เมืองจุดหมายปลายทางของนักท่องเที่ยวทั่วโลก จัดทำขึ้นเป็นครั้งแรกเมื่อปี 2554 ใช้ข้อมูลจากนักท่องเที่ยวที่ไปเยือนและข้อมูลการใช้จ่ายข้ามประเทศ ระบุว่า บริษัทเครดิตมาสเตอร์การ์ด ระบุว่า กรุงเทพฯ ครองอันดับ 1 ประจำปี 2561 ในฐานะเมืองที่มีนักท่องเที่ยวนานาชาติมาเยือนมากที่สุด เป็นปีที่ 4 ติดต่อกัน ปีที่แล้วมีนักท่องเที่ยวต่างชาติมาเยือนกรุงเทพฯมากเกือบ 23 ล้านคน เฉือนเอาชนะกรุงปารีสของฝรั่งเศสและกรุงลอนดอนของอังกฤษ ที่ได้อันดับที่ 2 และ 3 ตามลำดับ ส่วนเมืองอื่นๆที่ได้อันดับเรียงตามลำดับก็คือ ดูไบ, สิงคโปร์, กัวลาลัมเปอร์, นิวยอร์ก, อิสตันบูล, โตเกียว และเมืองอันตัลยาของตุรกี รายงานระบุว่า เพราะมีการเดินทางระหว่างประเทศเพิ่มมากขึ้น ตัวเลขนักท่องเที่ยวจึงเพิ่มสูงขึ้นถึงร้อยละ 76 นับตั้งแต่ปี 2552 เป็นต้นมา ดูไบ ติดอันดับ1เมืองที่มีการใช้จ่ายมากที่สุด เฉลี่ยแล้วนักท่องเที่ยวต่างชาติใช้จ่ายวันละ 553 ดอลลาร์สหรัฐฯ รวมแล้วมีนักท่องเที่ยวใช้จ่ายมากที่สุดเกือบ 31,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ตามมาด้วยเมกกะของซาอุดิอาระเบียติดอันดับ 2 และกรุงเทพฯ อันดับ 3
นิตยสารTHE ECONOMIST ระบุว่า กรุงเวียนนาเมืองหลวงของออสเตรียเฉือนเอาชนะเมืองเมลเบิร์นของออสเตรเลียได้ครองตำแหน่งอันดับหนึ่งเมืองน่าอยู่ที่สุดในโลกประจำปี 2019 หลังจากที่เมลเบิร์นได้ครองอันดับหนึ่งอยู่นาน 7 ปี อันดับ 3 คือ ซิดนีย์ ออสเตรเลีย อันดับ 4 โอซาก้าของญี่ปุ่นและอันดับ 5 เมืองคาลการี แคนาดา แต่ละปีหน่วยงานวิเคราะห์เศรษฐกิจ จะสำรวจ 140 เมืองทั่วโลก โดยให้คะแนนเต็ม 100 คะแนนจากหลายปัจจัยในการพิจารณา เช่น มาตรฐานความเป็นอยู่ อาชญากรรม สาธารณูปโภคขนส่ง การเข้าถึงด้านการศึกษา ประกันสุขภาพ และความมั่นคงด้านเศรษฐกิจและการเมือง กรุงเวียนนา มีความสะดวกสบายด้านการขนส่ง น้ำประปาสะอาดบริสุทธิ์จากเทือกเขาแอลป์ และความหลากหลายด้านวัฒนธรรม ได้คะแนน 99.1 จากคะแนนเต็ม 100 คะแนน กรุงปารีสของฝรั่งเศสร่วงลงมา 6 อันดับ อยู่ที่อันดับ 25 เนื่องจากการชุมนุมประท้วงของกลุ่มเสื้อกั๊กสีเหลือง กรุงลอนดอนของอังกฤษและนครนิวยอร์กของสหรัฐฯอยู่อันดับที่ 48 และ 58 ตามลำดับ ส่วนหนึ่งเพราะยังต้องเผชิญกับความเสี่ยงของปัญหาอาชญากรรมและการก่อการร้าย ปีนี้ยังเป็นปีแรกที่การจัดอันดับเมืองน่าอยู่ที่สุดในโลก ได้นำประเด็นภาวะโลกร้อนมาพิจารณาด้วย ทำให้กรุงนิวเดลีของอินเดีย ร่วงลงมาอยู่อันดับที่ 118 และกรุงไคโรของอียิปต์ อันดับที่ 125 เนื่องจากคุณภาพของอากาศ อุณหภูมิเฉลี่ยที่ไม่เหมาะสมและการจัดสรรน้ำไม่เพียงพอ ส่วนเมืองที่ไม่น่าอยู่ที่สุดในโลก เช่น การาจีของปากีสถาน กรุงตริโปลีของลิเบีย กรุงธากาของบังกลาเทศ และเมืองลากอสของไนจีเรีย โดยมีกรุงดามัสกัสของซีเรีย อยู่อันดับสุดท้าย
สถานการณ์ในฮ่องกง นางแคร์รี แลม ผู้บริหารสูงสุดของเขตบริหารพิเศษฮ่องกงแถลงผ่านวิดีโอคอนเฟอเรนซ์จากสำนักงานว่า รัฐบาลฮ่องกงจะถอดถอนร่างกฎหมายส่งผู้ร้ายข้ามแดนออกจากการพิจารณาอย่างถาวรในที่ประชุมสภานิติบัญญัติทันทีที่เปิดสมัยประชุมสภาในเดือนต.ค.ตามข้อเรียกร้องของประชาชน นอกจากนั้น ผู้บริหารสูงสุดของฮ่องกง เรียกร้องให้ผู้ชุมนุมยุติการใช้ความรุนแรงและหันมาใช้วิธีการเจรจากับรัฐบาล นายโจชัว หว่อง นักเคลื่อนไหวคนสำคัญ ได้โพสต์ข้อความทางทวิตเตอร์วิพากษ์วิจารณ์คำแถลงของนางแลมว่า น้อยเกินไป ช้าเกินไป การประท้วงจะยังคงดำเนินต่อไป สายการบินคาเธ่ย์แปซิฟิคของฮ่องกง ประกาศว่า นายจอห์น สโลซาร์ ประธานบริษัทได้ลาออกจากคณะกรรมการบริษัทแล้ว ส่วนคนที่จะมาแทนคือนายแพทริค ฮีลลี วัย 53 ปี ผู้บริหารของสไวร์แปซิฟิค บริษัทที่ถือหุ้นใหญ่ในคาเธ่ย์แปซิฟิค นายสโลซาร์ วัย 63 ปี ลาออก หลังจากนายรูเพิร์ต ฮ็อกก์ ลาออกจากตำแหน่งประธานเจ้าหน้าที่บริหารหรือซีอีโอเมื่อวันที่ 16 สิงหาคม นายสโลซาร์ ยืนยันสาเหตุที่ลาออกเพราะเกษียณอายุ ไม่มีความขัดแย้งกับคณะกรรมการบริษัท การเปลี่ยนแปลงผู้บริหารในสายการบินหลักของฮ่องกงเกิดขึ้น หลังจากมีพนักงานบางส่วนสนับสนุนการประท้วงในฮ่องกง
การเลือกตั้งทั่วไปครั้งใหม่ของสิงคโปร์ คาดว่า จะมีขึ้นในอีกไม่กี่เดือนข้างหน้านี้ หลังจากนายกรัฐมนตรีลี เซียน ลุง ได้ตั้งคณะกรรมการเพื่อทบทวนการแบ่งเขตเลือกตั้งแล้ว ขณะที่สิงคโปร์ได้ปรับลดการคาดหมายการขยายตัวทางเศรษฐกิจ เนื่องจากสถานการณ์เศรษฐกิจโลกย่ำแย่ลง ตัวเลขทางเศรษฐกิจเมื่อเดือนที่แล้ว ยืนยันว่า สิงคโปร์มีอัตราการขยายตัวทางเศรษฐกิจต่ำที่สุดในรอบทศวรรษ ยังไม่มีการวางทายาททางการเมืองอย่างชัดเจนว่าใครจะขึ้นมาเป็นนายกรัฐมนตรีหลังจากนายลี วางมือทางการเมือง แต่ก็มีการคาดหมายว่า นายเฮง สวี เกียต น่าจะมารับตำแหน่งแทน หลังจากเขาได้รับแต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่งรองนายกรัฐมนตรีและได้รับมอบหมายงานให้รับผิดชอบมากขึ้น
สภาสหราชอาณาจักร ลงมติด้วยคะแนน 327 เสียง ต่อ 299 เสียง ภายใต้ความร่วมมือกันระหว่างพันธมิตรพรรคฝ่ายค้านและส.ส.จากพรรครัฐบาลของนายบอริส จอห์นสัน นายกรัฐมนตรีสหราชอาณาจักร สนับสนุนร่างกฎหมายเกี่ยวกับการถอนตัวออกจากสหภาพยุโรป(อียู) จะบังคับไม่ให้รัฐบาลถอนตัวออกจากอียูแบบไร้ข้อตกลง และให้รัฐบาลขยายกำหนดเวลาเบร็กซิตออกไป 3 เดือนจากวันที่ 31 ตุลาคม 2562 เป็น 31 มกราคม 2563 แทนการถอนตัวโดยปราศจากข้อตกลง หากไม่มีการอนุมัติข้อตกลงอื่นหรือโหวตให้แยกตัวแบบไม่มีข้อตกลงภายในวันที่ 19 ตุลาคมนี้ นายจอห์นสัน เรียกร้องให้รัฐสภาลงมติจัดการเลือกตั้งก่อนกำหนดในวันที่ 15 ตุลาคม พร้อมยืนยันว่าสหราชอาณาจักรต้องออกจากอียูตามแผนวันที่ 31 ตุลาคม ไม่ว่าจะมีหรือไม่มีข้อตกลงก็ตาม และยืนยันว่าจะไม่ลาออกจากตำแหน่ง
สำนักข่าวเอพี รายงานจากรัฐปัญจาบ ประเทศอินเดียว่านายมุกห์เตียร์ ซิงห์ เจ้าหน้าที่ตำรวจรัฐปัญจาบทางเหนือของอินเดีย กำลังตรวจสอบสาเหตุโรงงานพลุและดอกไม้ไฟ ในเมืองบาตาลาในรัฐปัญจาบเกิดเหตุระเบิด อยู่ห่างจากกรุงนิวเดลีขึ้นไปทางเหนือ 460 กม.พบผู้เสียชีวิตแล้วอย่างน้อย 16 ศพและบาดเจ็บอีก 15 คน การผลิตพลุและดอกไม้ไฟเป็นธุรกิจขนาดใหญ่ในอินเดีย เพราะการจุดพลุและดอกไม้ไฟใช้ในงานเทศกาลและฉลองแต่งงาน แต่ก็มีโรงงานที่ตั้งขึ้นมาอย่างไม่ถูกต้องตามกฎหมายขายในราคาถูกกว่าโรงงานถูกกฎหมาย
สำนักข่าวเอเอฟพี รายงานจากประเทศนิวซีแลนด์ว่า นายเบรนท์ โครว์ สารวัตรตำรวจนิวซีแลนด์เปิดเผยว่าเกิดเหตุรถบัสนำนักท่องเที่ยวชาวจีน ซึ่งมีทั้งหมด 27คน ประสบอุบัติเหตุพลิกคว่ำบนทางหลวงห่าง 20 กม.จากเมืองโรโตรัว แหล่งท่องเที่ยวสำคัญในแถบเบย์ ออฟ เพลนตี้ บนเกาะเหนือของนิวซีแลนด์ ท่ามกลางสภาพอากาศเลวร้าย มีผู้เสียชีวิต 5 ศพ บาดเจ็บ 6 คน ในจำนวนนี้อาการสาหัส 2 คน ทางการได้พิสูจน์เอกลักษณ์บุคคลและติดต่อกับครอบครัวในประเทศจีนแล้ว สถานทูตจีน ณ กรุงเวลลิงตัน แถลงว่า เอกอัครราชทูต หวู สี เดินทางไปตรวจจุดเกิดเหตุและเร่งช่วยเหลือผู้ประสบเหตุ สถานทูตให้ความสำคัญกับอุบัติเหตุร้ายแรงที่เกิดขึ้นและขอแสดงความเสียใจกับครอบครัวผู้เสียชีวิตและบาดเจ็บด้วย
แฟ้มภาพ