*แกนนำไอเอสบาดเจ็บจากโจมตีทางอากาศ/เปิดประชุมเอเปก จีน-รัสเซียเดินหน้าพัฒนาพลังงานร่วมกัน*

 *ทันสถานการณ์โลก 06.30 น.

+++กระทรวงกลาโหมและกระทรวงกิจการภายในอิรักแถลงว่า อาบู บากร์ อัล-บักห์ดาดี ผู้นำกลุ่มหัวรุนแรงไอเอสได้รับบาดเจ็บจากการโจมตีทางอากาศ ขณะร่วมประชุมกับกองกำลังในเมืองควิม ในจังหวัดอันบาร์ ทางภาคตะวันตกของอิรัก เมื่อวันเสาร์ แต่ยังไม่มีรายละเอียดอื่นเพิ่มเติม อัล-บักห์ดาดี คาดว่ามีอายุประมาณ40ปีเศษ เป็นทหารของอิรักที่เก่งกาจ ทางการสหรัฐได้ตั้งรางวัลนำจับเขาเป็นเงิน10ล้านดอลลาร์สหรัฐ(320ล้านบาท) หลังจัดตั้งกลุ่มหัวรุนแรงขึ้นในฐานะเครือข่ายก่อการร้ายอัลกออิดะห์ท้องถิ่นเมื่อปี2553 ก่อนเปลี่ยนเป็นกองกำลังอิสระระหว่างประเทศ หรือกลุ่มนักรบจีฮัดระดับโลกในที่สุด ขณะที่เมื่อวันศุกร์ประธานาธิบดีบารัค โอบามา ผู้นำสหรัฐมีคำสั่งส่งทหารเข้าไปในอิรักเพิ่มอีก1,500นาย ซึ่งจะทำให้มีทหารสหรัฐอยู่ในอิรักรวมทั้งหมด3,100นาย

+++ชาวอาหรับในอิสราเอลลุกฮือออกมาประท้วงตามท้องถนนทั่วประเทศ หลังตำรวจอิสราเอลสังหารชายชาวอาหรับเมื่อวันเสาร์ โดยกลุ่มผู้ประท้วงได้ขว้างปาก้อนหินและระเบิดเพลิงใส่สถานีตำรวจ การประท้วงได้ดำเนินต่อเนื่องมาจนถึงวันอาทิตย์ นำโดยแกนนำชุมชนชาวอาหรับในอิสราเอล และนักศึกษาจากมหาวิทยาลัยและสถาบันต่างๆ ท่ามกลางความตึงเครียดในกรุงเยรูซาเลม ที่เกิดเหตุปะทะกันเกือบทุกวันจากข้อพิพาทเรื่องวิหารศักดิ์สิทธิ์  ขณะที่นายมิคกี โรเซนเฟลด์ โฆษกตำรวจอิสราเอลแถลงว่า ตำรวจได้เพิ่มระดับการเฝ้าระวังและเตรียมพร้อมรับมือเป็นระดับ2รองจากระดับสูงสุด นับตั้งแต่เกิดสงคราม50วันในฉนวนกาซา นายกรัฐมนตรี เบนจามิน เนทันยาฮู นายกรัฐมนตรีอิสราเอลลั่น จะลงโทษผู้ที่ละเมิดกฎหมายอิสราเอล ซึ่งรัฐบาลจะไม่ยอมให้เกิดเหตุการณ์ความไม่สงบและจลาจลในประเทศ พร้อมกับได้สั่งการให้ตรวจสอบความเป็นไปได้ในการเพิกถอนสัญชาติแก่บุคคลที่จ้องทำลายอิสราเอล

เหตุการณ์ความรุนแรงครั้งนี้เริ่มขึ้นหลังมีวีดีโอบันทึกภาพเหตุการณ์ตำรวจอิสราเอลได้วิสามัญฆาตกรรมชายชาวอาหรับวัย22ปีในชุมชนอาหรับคฟาร์ คานา ทางตอนเหนือของอิสราเอลเผยแพร่ออกมา โดยคนร้ายได้ใช้อาวุธมีดพยายามไล่แทงตำรวจ และทุบหน้าต่างรถตำรวจหลายครั้ง เมื่อเจ้าหน้าที่เข้าเผชิญหน้า คนร้ายได้ล่าถอยก่อนจะถูกยิงและถูกนำตัวส่งโรงพยาบาล กระทั่งเสียชีวิตในเวลาต่อมา

+++สถานการณ์ในกรุงเม็กซิโกซิตี้ วุ่นวายหนักถึงขั้นเกิดจลาจล เมื่อฝูงชนพยายามจะบุกเข้าไป ในทำเนียบประธานาธิบดี ด้วยความโกรธแค้น หลังมีข้อมูลปากคำปรากฏชัดแล้วว่า นักศึกษาครู 43 คน ที่หายตัวไปอย่างไร้ร่องรอยตั้งแต่เดือนกันยายน ถูกสังหารหมู่ ด้านประธานาธิบดีเปญ่า นีเอโต้ ที่ถูกเรียกร้องกดดันให้ลาออก ประกาศจะนำตัวผู้อยู่เบื้องหลังมารับผิดตามกระบวนการยุติธรรมให้ได้++ ส่วนที่รัฐเกร์เรโร่ ทางใต้ของประเทศ นักศึกษากว่า 300 คน ก็ก่อเหตุป่วนเมืองขว้างปาก้อนหิน และระเบิดเพลิง เข้าไปยังที่ทำการรัฐบาล พร้อมทั้งเผารถยนต์ รถบรรทุกและรถตำรวจ อย่างไรก็ตาม ญาติของนักศึกษายังไม่ปักใจเชื่อคำให้การของคนร้าย โดยต้องการรอจนกว่าจะทราบผลตรวจดีเอ็นเอจากผู้เชี่ยวชาญอิสระชาวอาร์เจนติน่าเสียก่อน

+++ประธานาธิบดีสี จิ้นผิงแห่งจีน และ ประธานาธิบดีวลาดิเมียร์ปูติน แห่งรัสเซียเป็นประธานในพิธีร่วมลงนามระหว่างจีนกับรัสเซียในข้อตกลงเพื่อส่งเสริมความร่วมมือด้านการพลังงานรวมถึงการทำบันทึกความเข้าใจเรื่องการพัฒนาเส้นทางสำคัญสายที่สองสำหรับการจัดส่งแก๊สธรรมชาติระหว่างรัสเซียกับจีนหลังการทำข้อตกลงขั้นต้นมูลค่า4แสนล้านดอลลาร์สหรัฐเมื่อเดือนพ.ค.ประธานาธิบดีสี จิ้นผิง และประธานาธิบดีวลาดิเมียร์ปูติน ยังเป็นสักขีพยานในการลงนามอีกหลายฉบับเช่น ข้อตกลงด้านการเงินในระหว่างการพบหารือเมื่อวันอาทิตย์ที่9พ.ย.ที่กรุงปักกิ่งก่อนหน้าที่จะมีการประชุมผู้นำเขตเศรษฐกิจเอเชีย-แปซิฟิก(เอเปก)เริ่มวันที่10-11พ.ย.นี้สำหรับบันทึกความเข้าใจสำคัญฉบับหนึ่งคือ การพัฒนาเส้นทางสายตะวันตกสำหรับการขนส่งแก๊สธรรมชาติจากรัสเซียมายังจีนภายหลังการทำข้อตกลงขั้นต้นเมื่อเดือนพ.ค.ที่ผ่านมาซึ่งรัสเซียจะต้องส่งแก๊สธรรมชาติรายปีให้กับจีนในปริมาณ38ล้านลูกบาศก์เมตรผ่านทางเส้นทางสายตะวันออก

+++นายกรัฐมนตรีออสเตรเลียประกาศว่า การประชุมสุดยอดผู้นำกลุ่มประเทศจี 20 ในสัปดาห์นี้ เป็นการประชุมที่สำคัญที่สุดเท่าที่ออสเตรเลียเคยจัดมาเวทีดังกล่าวซึ่งจะเป็นการรวมตัวกันในนครบริสเบนของคณะผู้นำจาก 20 ประเทศพัฒนาและเศรษฐกิจเกิดใหม่ที่ใหญ่ที่สุดในโลกระหว่างวันที่ 15 และ 16 พ.ย. นี้ ซึ่งมีความแน่วแน่ในการที่จะยกระดับการเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจ กลุ่มประเทศจี 20 มีเป้าหมายที่ชัดเจนมากในการผลักดันเศรษฐกิจโลกให้เติบโตมากขึ้นอีกร้อยละ 2 ในช่วง 5 ปีข้างหน้าจากอัตราที่คาดหมายในปัจจุบัน ซึ่งการประชุมในครั้งนี้จะไม่เป็นเพียงการชุมนุมพูดคุยกันธรรมดา แต่จะเป็นการประชุมสุดยอดทางเศรษฐกิจ ดังนั้นจะพุ่งเป้าไปที่สิ่งที่สามารถทำได้ในการช่วยสร้างงาน การปราบปรามการโกงภาษี และการพัฒนาเศรษฐกิจโลก

+++วันนี้ต้องติดตามสถานการณ์ตลาดหุ้นสหรัฐ หลังจากปิดตลาดในวันศุกร์(7พ.ย.) ดาวโจนส์และเอสแอนด์พี500 ทุบสถิติใหม่ หลังจากกระทรวงแรงงานรายงานเศรษฐกิจอเมริกาจ้างงานเพิ่มเติม 214,000 อัตราและยอดคนว่างงานลดลง  ดาวโจนส์ เพิ่มขึ้น 19.46 จุด (0.11 เปอร์เซ็นต์) ปิดที่ 17,573.93 จุด เอสแอนด์พี เพิ่มขึ้น 0.68 จุด (0.03 เปอร์เซ็นต์) ปิดที่ 2,031.89 จุด แนสแดค ลดลง 5.94 จุด (0.13 เปอร์เซ็นต์) ปิดที่ 4,632.53 จุด

+++นางเจเน็ต เยลเลน ประธานธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) กล่าววานนี้ว่า "เมื่อประเมินจากการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจที่เป็นไปอย่างเชื่องช้าและไม่มั่นคงเป็นธรรมดา นโยบายสนับสนุนจึงยังมีความจำเป็น" โดยเธอไม่ได้เปิดเผยว่าเฟดจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยเมื่อใด แถลงการณ์ของนางเยลเลนมีขึ้น หลังจากนายมาริโอ ดรากิ ประธานธนาคารกลางยุโรป (อีซีบี) กล่าวว่า อีซีบีจะเริ่มซื้อตราสารหนี้ที่มีหลักทรัพย์ค้ำประกัน (Asset-backed Securities : ABS) ในเร็วๆนี้ ภายใต้โครงการซึ่งจะดำเนินต่อไปเป็นระยะเวลาอย่างน้อยสองปี โดยการซื้อสินทรัพย์ และการปล่อยสินเชื่อดอกเบี้ยต่ำระยะยาว (Targeted LTRO) จะส่งผลอย่างมากต่องบดุลของอีซีบี

+++อดีตประธานาธิบดีจอร์จ ดับเบิลยู บุชแห่งสหรัฐเปิดเผยในหนังสือเล่มใหม่ที่มีชื่อว่า ฟอร์ตี้วัน : เออะ พอร์ตเทร์ ออฟ มาย ฟาเธอร์(41: A Portrait of my Father) ซึ่งจะวางจำหน่ายในวันอังคารนี้ ว่านายจอร์จ เอช.ดับเบิลยูบุช ผู้เป็นบิดาได้คิดอย่างหนักที่ไม่ลงเลือกตั้งสมัยสองในปี2535 ถึงแม้จะมีความสุขในตำแหน่งผู้นำสหรัฐ สาเหตุสำคัญ เป็นเพราะนายนีล บุช บุตรชายคนหนึ่งที่กำลังถูกฟ้องร้องทางกฎหมายจากรัฐบาลกลางสหรัฐ ซึ่งเป็นเรื่องไม่เหมาะสมหากเขาจะลงชิงเก้าอี้อีกสมัยหนึ่ง 

+++ชาวอินโดนีเซียในฮ่องกงกว่า 100 คนจัดพิธีสวดมนต์และชุมนุมเรียกร้องความยุติธรรมให้เหยื่อผู้หญิงชาวอินโดนีเซีย 2 คนที่ถูกแทงจนเสียชีวิตในอพาร์ทเมนต์หรู ผู้เข้าร่วมพิธีสวดมนต์ซึ่งจัดขึ้นในวันนี้รวมถึงบรรดาญาติและเพื่อนของเหยื่อหนึ่งในสองรายวัย 25 ปีที่ชื่อนางสาวสุมาร์ตี นิงซิห์ ขณะที่นายรูริค จอร์จ เคตัน จัตติง นายธนาคารชาวอังกฤษ ถูกตั้งข้อหาก่อเหตุสังหารนางสาวนิงซิห์ และเหยื่อวัย 29 ปีอีกรายที่ชื่อนางสาวเซเนง มูยิอาซิห์ ขณะที่เขายังไม่ยื่นคำแก้ต่าง นางสาวจูมิอาติ ญาติของนางสาวนิงซิห์ กล่าวว่าเธอพบนางสาวนิงซิห์ครั้งสุดท้ายเมื่อเดือน ส.ค. ในบ้านพักของเธอที่หมู่บ้านในอินโดนีเซีย เธอระบุว่าได้แจ้งตำรวจเมื่อประมาณสัปดาห์ก่อนว่านางสาวนิงซิห์สูญหาย จากนั้นเจ้าหน้าที่ได้เรียกตัวเธอให้มาระบุศพในเวลาต่อมา

+++หลังปิดซ่อมมานาน 4 ปี ล่าสุด รูปสฟิงซ์รูปแกะสลักด้วยหินขนาดใหญ่ตัวเป็นสิงโตมีหัวเป็นมนุษย์ตั้งอยู่ระหว่างหมู่พีระมิดทั้ง3แห่งกีซ่าใกล้กับกรุงไคโรจะเปิดให้นักท่องเที่ยว เข้าชม เป็นครั้งแรก แม้จะยังไม่กำหนดวันก็ตาม หลัง สฟิงซ์ ถือเป็นอีกจุดหนึ่งที่นักท่องเที่ยวให้ความสนใจแวะเข้าไปเยี่ยมชมมากที่สุดในโลกแต่ก็ต้องประสบปัญหาปิดซ่อมแซมอยู่บ่อยครั้งเนื่องจากปัญหามลพิษทางอากาศและความเสียหายอันเกิดจากน้ำบาดาลล่าสุดต้องปิดเพื่อทำการปรับปรุงซ่อมแซมนานเกือบ4ปี รูปแกะสลักสฟิงซ์สร้างขึ้นในสมัยราชวงศ์ที่4แห่งฟาโรห์คาเฟรนักโบราณคดียังไม่ทราบเหตุผลที่แท้จริงของการสร้างรูปแกะสลักสฟิงซ์ขึ้นมาแต่ส่วนใหญ่เชื่อว่าเกี่ยวกับทางศาสนาและดาราศาสตร์