ความคืบหน้าการหายตัวไปของนายพอละจี รักจงเจริญ หรือ บิลลี่ ชาวกะเหรี่ยงแก่งกระจาน จ.เพชรบุรี หลานปู่คออี้ หรือนายโคอิ มีมิ พ.ต.ท.กรวัชร์ ปานประภากร รองอธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ(ดีเอสไอ) เปิดเผยว่า นายพอละจี เสียชีวิตแล้ว หลังจากที่หายตัวไปประมาณวันที่ 17 เมษายน 2557 โดยเชื่อได้จากวัตถุหลักฐานที่เป็นชิ้นส่วนกระดูกกะโหลกศีรษะข้างซ้ายของมนุษย์จำนวน 2 ชิ้นที่พบว่ามีการนำมาเผาหลังเสียชีวิตเพื่ออำพรางคดี ผลตรวจสอบทางนิติวิทยาศาสตร์แล้วพบว่ามีสารพันธุกรรมตรงกับนางโพเราะจี รักจงเจริญ มารดาของนายพอละจี
นอกจากกระดูกแล้วยังพบถังน้ำมันขนาด 200 ลิตร 1 ถัง, เหล็กเส้น 2 เส้น และถ่านไม้ 4 ชิ้น โดยสิ่งต่างๆที่พบทั้งหมดเกิดขึ้นจากการนำหุ่นยนต์ใต้น้ำลงไปสแกนร่วมกับนักประดาน้ำในจุดต้องสงสัยบริเวณพื้นที่ใต้น้ำ สะพานแขวน ของเขื่อนแก่งกระจาน เมื่อช่วงเดือนเมษายนและพฤษภาคม นอกจากนี้ ช่วงปลายเดือนสิงหาคม ยังพบกระดูกมนุษย์อีก 8 จาก 20 ชิ้นที่ใต้น้ำสะพานแขวน เขื่อนแก่งกระจานด้วยซึ่งจะตรวจสอบต่อไปและอยู่ระหว่างสอบสวนต่อว่านายพอละจี เสียชีวิตด้วยวิธีการใด ซึ่งเบื้องต้นมีผู้ต้องสงสัยแล้วแต่ไม่ขอเปิดเผย
ด้านนายวรวีร์ ไวยวุฒิ ผู้อำนวยการกองสารพันธุกรรม สถาบันนิติวิทยาศาสตร์ ยืนยันว่า จากการตรวจสอบหาสารพันธุกรรมด้วยวิธีโบราณคดี ชิ้นส่วนกระดูกนี้เป็นกระโหลกศีรษะชั้นในของมนุษย์และมีสารพันธุกรรมตรงกับมารดาของนายพอละจี โดยกระดูกมีรอยไหม้สีน้ำตาลและรอยแตกร้าว ไม่สามารถบอกได้ว่าเสียชีวิตมานานกี่ปีแล้วและไม่ทราบสาเหตุการเสียชีวิต เนื่องจากกระดูกที่พบมีขนาดเล็กจนไม่สามารถตรวจสอบได้ และไม่สามารถนำสารพันธุกรรมจากชิ้นส่วนกระดูกไปเทียบกับลูกของนายพอละจีได้ เนื่องจากต้องใช้วิธีตรวจสอบแบบพิเศษตรวจสอบได้เฉพาะสารพันธุกรรมที่ถ่ายทอดจากแม่ไปสู่ลูกเท่านั้น ส่วนกระดูกมนุษย์อีก 8 ชิ้น จาก 20 ชิ้นที่พบนั้นต้องใช้เวลาตรวจสอบอีก 1 เดือนเป็นอย่างน้อย เพื่อให้รู้ว่าเป็นกระดูกของนายพอละจีหรือไม่และเป็นกระดูกส่วนใด
ขณะที่ พ.ต.อ.ไพสิฐ วงศ์เมือง อธิบดีดีเอสไอ กล่าวว่า คดีนี้จะเปลี่ยนเป็นคดีการฆาตกรรมโดยทรมานและการบังคับบุคคลให้สูญหายที่เป็นการละเมิดสิทธิมนุษยชนอย่างร้ายแรงตามอนุสัญญาระหว่างประเทศว่าด้วยการคุ้มครองบุคคลทุกคนจากการหายสาบสูญโดยถูกบังคับ โดยจะพิจารณาจากทุกองค์ประกอบเพื่อเร่งรวบรวมพยานหลักฐานหาตัวผู้กระทำผิดต่อไป สำหรับนายพอละจี หรือ บิลลี่ เป็นนักต่อสู้เพื่อสิทธิมนุษยชนชาวกะเหรี่ยง หายตัวไปเมื่อ 5 ปีที่แล้วหรือปี 2557 ช่วงเดียวกับที่ชาวกะเหรี่ยงอยู่ระหว่างฟ้องคดีที่เจ้าหน้าที่เข้ารื้อทำลายบ้านเรือนและทรัพย์สินของชาวกะเหรี่ยงกว่า 20 ครอบครัว
ผู้สื่อข่าว:ธีรวัฒน์ สิทธิเกรียงไกร