ทันสถานการณ์โลก 06.30 น.วันที่ 3 กันยายน 2562

03 กันยายน 2562, 06:08น.


ความคืบหน้าการเจรจาการค้าระหว่างสหรัฐฯกับจีน ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ผู้นำสหรัฐฯ กล่าวว่า จะมีการประชุมในเดือนกันยายนตามกำหนดเดิม ขณะเดียวกันทั้ง 2 ฝ่ายมีการบังคับใช้มาตรการภาษีศุลกากรฉบับใหม่ไปแล้วเมื่อวันที่ 1 กันยายน และจะเรียกเก็บอีกรอบในวันที่ 15 ธันวาคม มูลค่าสินค้าที่สหรัฐฯเรียกเก็บจากจีนมีมูลค่า 300,000 ล้านดอลลาร์ ส่วนมูลค่าสินค้าที่จีนเรียกเก็บจากสหรัฐฯ คือ 75,000 ล้านดอลลาร์



เจ.พี.มอร์แกน ประเมินว่า ภาษีใหม่อาจสร้างต้นทุนให้กับครัวเรือนในอเมริกาเฉลี่ย 1,000 ดอลลาร์ต่อปี และกลุ่มอุตสาหกรรม 16 แห่งทำหนังสือคัดค้านถึงประธานาธิบดี เนื่องจากมาตรการภาษีทำให้สินค้ามีราคาแพงขึ้น ยอดขายลดลง และตำแหน่งงานหายไป พร้อมแนะนำว่าการเจรจาจะมีความคืบหน้าหากสหรัฐฯ เจรจาอย่างสร้างสรรค์และสันติ ไม่ใช่ทำให้คนอเมริกันต้องใช้สินค้าที่มีราคาแพงขึ้นทุกวัน



แต่ประธานาธิบดีทรัมป์ ตำหนิกลุ่มบริษัทที่คัดค้านนโยบายการค้าของเขาว่าอ่อนแอและบริหารงานไม่ดีแล้วนำมาตรการภาษีมาเป็นข้ออ้าง



ขณะที่ สำนักข่าวซินหัวรายงานว่า สหรัฐฯ ควรเป็นมหาอำนาจที่มีความรับผิดชอบของโลก และหยุดการทำพฤติกรรมที่เหมือนเด็กเกเร



ส่วนสถานการณ์การชุมนุมประท้วงในฮ่องกงที่เข้าสัปดาห์ที่ 13 โดยผู้ประท้วงเรียกร้องให้ผู้บริหารรัฐบาลฮ่องกงลาออกและปฏิรูประบอบประชาธิปไตย โดยเมื่อวานนี้ เป็นวันแรกของการเปิดภาคเรียน แต่มีนักเรียน นักศึกษาจำนวนมากที่ยังไม่เข้าชั้นเรียน และมาร่วมการชุมนุมประท้วงในย่านเซ็นทรัล ฝั่งเกาลูน และมหาวิทยาลัยไชนีส ซึ่งแกนนำผู้ประท้วงอ้างว่า การชักชวนผ่านสื่อสังคมออนไลน์สามารถชักชวนให้นักเรียนและนักศึกษาให้เข้าร่วมการประท้วงได้มากกว่า 10,000 คน



ขณะที่ระบบขนส่งสาธารณะโดยเฉพาะรถไฟใต้ดินหลายสถานีมีผู้ประท้วงต่อต้านรัฐบาลเข้าไปขัดขวางการเดินทางในช่วงชั่วโมงเร่งด่วน ซึ่งทำให้ตำรวจฮ่องกงต้องจัดเจ้าหน้าที่เข้าไปประจำการตามสถานีรถไฟใต้ดิน และร่วมเดินทางไปกับทุกขบวน



ส่วนกรณีที่เมื่อช่วงสุดสัปดาห์ ต่อเนื่องมาจนถึงวันจันทร์ผู้ประท้วงพยายามขัดขวางการเดินทางเข้าสู่สนามบินนานาชาติฮ่องกง ทางสนามบินออกประกาศเตือนเป็นระยะห้ามผู้ประท้วงเข้ามาชุมนุมภายในสนามบิน ขณะที่สายการบินคาเธ่ย์ แปซิฟิก สายการบินหลักของฮ่องกง เตือนว่าพนักงานคนใดก็ตามที่เข้าร่วมการประท้วงจะถูกไล่ออก



ด้านสถานการณ์ที่ภูมิภาคปาปัว ของอินโดนีเซีย ตำรวจออกประกาศห้ามการชุมนุมหรือการแสดงความคิดเห็นในที่สาธารณะที่จะส่งผลให้มีการสร้างความวุ่นวายและทำลายทรัพย์สินสาธารณะ หลังจากที่มีการประท้วงต่อต้านรัฐบาลและพยายามแยกตัวเป็นอิสระมาเกือบ 2 สัปดาห์ และทางการอินโดนีเซียเตรียมส่งกำลังทหารและตำรวจลงพื้นที่เพิ่ม 2,500 นาย จากเดิมที่ส่งลงพื้นที่แล้ว 1,200 นาย



การประท้วงในภูมิภาคปาปัวยังเกิดขึ้นหลังตำรวจจับกุมนักศึกษา 43 คน ฐานต้องสงสัยสมคบคิดเตรียมก่อความไม่สงบในพื้นที่ และมีการทำลายธงชาติ



กาชาดสากล เปิดเผยว่าเมื่อวันที่ 1 กันยายน กลุ่มแนวร่วมที่นำโดยซาอุดีอาระเบีย เปิดปฏิบัติการโจมตีเรือนจำในเมืองดามาร์ ประเทศเยเมน ส่งผลให้มีผู้เสียชีวิตมากกว่า 100 ราย โดยในจำนวนนี้เป็นผู้ต้องขังมากถึง 52 ราย ขณะที่ยังคงมีผู้สูญหายอีก 68 คน อย่างไรก็ตามก่อนหน้านี้ กลุ่มแนวร่วมระบุว่า การโจมตีมีเป้าหมายคืออาคารเก็บโดรนและขีปนาวุธของกลุ่มกบฏฮูธี แต่กลุ่มกบฏและกาชาดระบุว่า อาคารที่ถูกโจมตีคือเรือนจำ



ปิดท้ายที่เบร็กซิต นายมิเชล บาร์นิเยร์ ผู้แทนเจรจาเบร็กซิตฝ่ายอียู ยืนยันว่า มาตรการแบ็กสต็อปซึ่งเป็นกลไกรับรองว่าพรมแดนระหว่างไอร์แลนด์เหนือที่เป็นส่วนหนึ่งของสหราชอาณาจักร กับไอร์แลนด์ที่เป็นสมาชิกของอียู จะยังคงเปิดไว้ต่อไป โดยไม่มีการตั้งด่านศุลกากร คือเงื่อนไขที่มีความยืดหยุ่นที่สุดเท่าที่อียูจะรับได้ แต่การที่นายกรัฐมนตรีบอริส จอห์นสัน แสดงจุดยืนต่อต้านแบ็กสต็อป อาจทำให้สหราชอาณาจักรต้องออกจากกลุ่มไปแบบไร้ข้อตกลงในวันที่ 31 ตุลาคม



ขณะที่การเมืองภายในสหราชอาณาจักรก็มีความตึงเครียด เมื่อนายกรัฐมนตรีต้องเผชิญกระแสต่อต้านจากสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรทุกกลุ่ม ทุกขั้วการเมืองที่ไม่ต้องการออกจากกลุ่มอียูไปแบบไร้ข้อตกลง โดยในวันนี้จะมีการเปิดประชุมสภา ซึ่งนายเจเรมี คอร์บิน หัวหน้าพรรคแรงงานที่เป็นแกนนำฝ่ายค้าน จะยื่นญัตติเปิดอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐบาล ซึ่งครองเสียงข้างมากแบบปริ่มน้ำคือมีเสียงมากกว่าฝ่ายค้านเพียง 1 ที่นั่ง



ทั้งนี้ นายกรัฐมนตรีจอห์นสัน จุดชนวนการประท้วงไปทั่วประเทศ เมื่อได้ขอพระราชทานพระบรมราชานุญาตจากสมเด็จพระราชินีนาถระงับการประชุมสภาในช่วง 5 สัปดาห์สุดท้ายก่อนเบร็กซิต ซึ่งเป็นความพยายามปิดกั้นสมาชิกฝ่ายค้านไม่ให้ขัดขวางแผนการถอนตัวออกจากอียูแบบไร้ข้อตกลง จากนั้นเมื่อวันอาทิตย์ เขาเรียกประชุมแกนนำพรรคอนุรักษ์นิยมเพื่อวางแผนกราบทูลสมเด็จพระราชินีนาถ เพื่อขอให้ทรงปฏิเสธร่างกฎหมายใดๆ ก็ตามที่กลุ่มสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรฝ่ายต่อต้านเสนอขึ้นมา ซึ่งนายจอห์น แมคดอนเนลล์ โฆษกฝ่ายการคลังของพรรคแรงงาน ทวีตข้อความว่าเป็นสิ่งที่น่าตกใจและไม่เคยพบเคยเห็นมาก่อน ทั้งประณามรัฐบาลของนายกรัฐมนตรีจอห์นสัน ว่ากำลังกลายเป็นเผด็จการที่มาจากการเลือกตั้ง



...

ข่าวทั้งหมด

X