ทันสถานการณ์โลก 06.30 น.วันที่ 30 สิงหาคม 2562

ในการที่ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ผู้นำสหรัฐฯ ประกาศขึ้นภาษีศุลกากรที่จะเรียกเก็บจากสินค้าจีนรอบใหม่รวมมูลค่า 300,000 ล้านดอลลาร์ ในวันที่ 1 กันยายน และ 15 ธันวาคมนี้ ทำให้กลุ่มผู้ประกอบการสหรัฐฯจำนวนมากมีความกังวลว่าจะเป็นการเพิ่มภาระให้แก่ผู้บริโภค โดยตั้งแต่เมื่อวันพุธกลุ่มผู้ผลิตรองเท้ากว่า 200 ราย ซึ่งรวมถึงแบรนด์ดังอย่างไนกี้ร่วมลงชื่อในจดหมายที่ส่งถึงประธานาธิบดีทรัมป์ เพื่อเตือนว่า การขึ้นภาษีศุลกากรรองเท้านำเข้าจากจีนอีกร้อยละ 15 จะทำให้ผู้บริโภคอเมริกันมีภาระเพิ่มขึ้นปีละ 4,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ และเพิ่มความเสี่ยงที่เศรษฐกิจสหรัฐฯ จะชะลอตัว

นอกจากนี้ยังมีกลุ่มธุรกิจอีกมากกว่า 160 กลุ่ม ซึ่งรวมถึงสหพันธ์ค้าปลีกแห่งชาติ และบริษัทผู้ผลิตซอฟต์แวร์และอิเล็กทรอนิกส์ ออกแถลงการณ์เรียกร้องให้ยกเลิกมาตรการภาษีศุลกากร เพราะมีขึ้นในช่วงเวลาที่ผู้คนเริ่มการซื้อหาสินค้าในช่วงเทศกาล และเตือนว่า มาตรการนี้จะนำไปสู่การเลิกจ้างแรงงานจำนวนมาก

อย่างไรก็ตามนักเศรษฐศาสตร์ระบุว่า กลุ่มธุรกิจและอุตสาหกรรมในสหรัฐฯ ทยอยส่งหนังสือเตือนถึงประธานาธิบดีทรัมป์เป็นระยะ แต่ไม่สามารถทำให้ประธานาธิบดียุติการทำสงครามการค้ากับจีนที่เริ่มขึ้นเมื่อเดือนกรกฎาคมปีที่แล้ว การตอบโต้ทางการค้าระหว่างสองประเทศมีมูลค่าหลายแสนล้านดอลลาร์ สหรัฐฯทั้งทำให้มีความเสี่ยงที่เศรษฐกิจโลกจะถดถอย

ด้านสมาชิกสภาคองเกรส พรรคเดโมแครตประกาศเปิดการสอบสวนข้อเสนอของประธานาธิบดีทรัมป์ ที่จะให้จัดการประชุมสุดยอดผู้นำจี 7 ในปีหน้าที่สนามกอล์ฟ และรีสอร์ตของเขาในเมืองไมอามี ซึ่งพรรคเดโมแครตชี้ว่า เป็นการทุจริต นายเจอร์รี แนดเลอร์ ประธานคณะกรรมาธิการยุติธรรม สภาผู้แทนราษฎร และนายสตีฟ โคเฮน ประธานคณะอนุกรรมาธิการรัฐธรรมนูญ กล่าวว่า ลักษณะของการกระทำความผิดมีลักษณะเดียวกับข้อห้ามประธานาธิบดีรับผลประโยชน์ส่วนตัวจากรัฐบาลต่างชาติ ซึ่งนอกจากนี้แล้ว ยังมีคณะกรรมาธิการในสภาอีกหลายชุดที่สอบสวนการทำงานประธานาธิบดีอีกหลายประเด็น ไม่ว่าจะเป็นการขัดขวางกระบวนการยุติธรรม การทุจริต และการใช้อำนาจหน้าที่โดยมิชอบ

ส่วนสถานการณ์ในเขตบริหารพิเศษฮ่องกง แห่งสาธารณรัฐประชาชนจีน สื่อหลักของทางการจีนมีการเผยแพร่ภาพข่าวการสับเปลี่ยนกำลังพลครั้งที่ 22 ซึ่งเป็นไปตามวาระปกติประจำปี โดยทหารของกองกำลังรักษาการณ์ในฮ่องกง ในสังกัดกองทัพปลดแอกประชาชนจีน เคลื่อนกำลังพลผ่านชายแดนจีนเข้าสู่ฮ่องกง และการสับเปลี่ยนกำลังพลทั้งทหารบก ทหารอากาศ และทหารเรือ เสร็จสิ้นลงอย่างสมบูรณ์ แต่มีการตั้งข้อสังเกตว่า เหตุการณ์นี้เกิดขึ้นหลังจากที่ตำรวจฮ่องกงไม่อนุญาตให้มีการจัดชุมนุมใหญ่ในวันเสาร์นี้ที่ผู้จัดการชุมนุมประท้วงวางแผนที่จะเดินขบวนไปยังสำนักงานประสานงานของรัฐบาลจีน และคาดว่า จะมีผู้เข้าร่วมการเดินขบวนจำนวนมาก นอกจากนี้ตำรวจฮ่องกงยังเคยห้ามจัดการชุมนุมมาแล้วหลายครั้งแต่ส่วนใหญ่ไม่เป็นผล ยังคงมีผู้ประท้วงออกมาร่วมการชุมนุมจำนวนมาก

สำหรับทหารของกองกำลังรักษาการณ์ในฮ่องกงมีกำลังพล 8,000-10,000 นาย กระจายอยู่ตามฐานต่างๆ ทางใต้ของจีนและค่ายหลายแห่งในฮ่องกง นายเหริน กั๋วเฉียง โฆษกกระทรวงกลาโหมจีน แถลงว่า การสับเปลี่ยนกำลังพลในครั้งนี้มีขึ้นในช่วงเวลาเดียวกับทุกปีที่ผ่านมาเพื่อปกป้องความมั่งคั่งและเสถียรภาพของฮ่องกงตามกฎหมายและคำสั่งของพรรคคอมมิวนิสต์จีน

ส่วนการเมืองของสหราชอาณาจักร ซึ่งนายกรัฐมนตรีบอริส จอห์นสันสั่งพักสมัยประชุมสภาเป็นเวลานานกว่า 1 เดือน ก่อนที่สหราชอาณาจักรจะออกจากการเป็นสมาชิกสหภาพยุโรป หรือที่เรียกว่าเบร็กซิตในวันที่ 31 ตุลาคม นี้ ซึ่งทำให้ถูกวิจารณ์ว่านายกรัฐมนตรีกำลังนำประเทศออกจากกลุ่มแบบไร้ข้อตกลง

สมาชิกพรรคฝ่ายค้านประมาณ 70 คนยื่นคำฟ้องต่อศาลสกอตแลนด์ เพื่อให้ศาลวินิจฉัยว่า การที่นายกรัฐมนตรีขยายเวลาปิดสมัยประชุมสภา เป็นการกระทำที่ชอบด้วยกฎหมายหรือไม่ และศาลนัดไต่สวนในวันนี้

ทั้งนี้ สมาชิกรัฐสภามีกำหนดกลับเข้าประชุมสภาในสัปดาห์หน้า โดยจะมีการประชุมไปจนถึงวันที่ 9 กันยายน จากนั้นจะพักสมัยประชุมเป็นเวลา 3 สัปดาห์เพื่อให้พรรคการเมืองต่างๆ จัดการประชุมภายในพรรค แต่คำสั่งของนายกรัฐมนตรีทำให้การพักสมัยประชุมสภายาวนานขึ้นเป็น 5 สัปดาห์ ซึ่งทำให้สมาชิกรัฐสภาจำนวนมากไม่พอใจ

พรรคสหภาพประชาธิปไตยแห่งไอร์แลนด์เหนือ ซึ่งเป็นพรรคร่วมรัฐบาล เปิดเผยว่า พรรคอนุรักษ์นิยมของนายกรัฐมนตรี เตรียมประกาศยุบสภา และจัดการเลือกตั้งใหม่ในเดือนพฤศจิกายน

อย่างไรก็ตาม นายเจเรมี คอร์บิน หัวหน้าพรรคแรงงาน ซึ่งเป็นพรรคฝ่ายค้าน ประกาศว่าจะพยายามขัดขวางความพยายามของนายกรัฐมนตรี ในการนำประเทศออกจากอียูแบบไร้ข้อตกลง ซึ่งยังเป็นการกระทำที่คุกคามต่อระบอบประชาธิปไตย นอกจากนี้ยังมีผู้ร่วมลงชื่อในเว็บไซต์ของรัฐบาลเพื่อคัดค้านคำสั่งของนายกรัฐมนตรีมากกว่า 1 ล้านรายชื่อภายในเวลาเพียง 24 ชั่วโมงแรกที่เปิดให้ลงชื่อ

ดาวโจนส์ เพิ่มขึ้น 326.15 จุด หรือร้อยละ 1.25 ปิดที่ 26,362.25 จุด

เอสแอนด์พี เพิ่มขึ้น 36.64 จุด หรือร้อยละ 1.27 ปิดที่ 2,924.58 จุด

แนสแดค เพิ่มขึ้น 116.51 จุด หรือร้อยละ 1.48 ปิดที่ 7,973.39 จุด

สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เทกซัส อินเตอร์มีเดียต หรือไลต์สวีตครูด งวดส่งมอบเดือนตุลาคม เพิ่มขึ้น 93 เซนต์ ปิดที่ 56.71 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล

ส่วนเบรนต์ลอนดอนงวดส่งมอบเดือนตุลาคม เพิ่มขึ้น 59 เซนต์ ปิดที่ 61.08 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล

....