การลงพื้นที่ติดตามสถานการณ์น้ำของเขื่อนแควน้อยบำรุงแดน อ.วัดโบสถ์ จ.พิษณุโลก นายพลากร สุวรรณรัฐ องคมนตรี ในฐานะประธานอนุกรรมการติดตามและขับเคลื่อนโครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริพื้นที่ภาคเหนือ รับฟังการบรรยายสรุปสถานการณ์น้ำ สำหรับสถานการณ์น้ำในพื้นที่มีฝนตกค่าเฉลี่ย 759 มิลลิเมตร ตกน้อยกว่าค่าเฉลี่ยร้อยละ 15 ทำให้ปริมาณน้ำไหลลงเขื่อนน้อย และในวันนี้มีปริมาณน้ำไหลเข้า 9 ล้านลูกบาศก์เมตรต่อวัน มีการระบายน้ำออกวันละ 9 แสนลูกบาศก์เมตร น้ำใช้การได้อยู่ที่ 173 ล้านลูกบาศก์เมตรน้อยกว่าปีที่แล้ว
องคมนตรี หารือกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อปรับการระบายน้ำไม่ให้ส่งผลกระทบเรื่องการใช้น้ำในการอุปโภคบริโภคในฤดูแล้งหน้าและคาดว่าจะมีพายุเข้ามาจะช่วยเพิ่มปริมาณน้ำ คาดว่า ต้นฤดูแล้งปีหน้าจะมีปริมาณน้ำในเขื่อน 300 ล้านลูกบาศก์เมตร หรือร้อยละ 34 รวม 4 เขื่อนหลักลุ่มน้ำเจ้าพระยา จะอยู่ที่ 4,149 ลูกบาศก์เมตร หรือร้อยละ 23 คาดว่าไม่มีปัญหาในเรื่องน้ำที่ใช้อุปโภคบริโภค แต่อาจส่งผลเรื่องการทำเกษตรโดยเฉพาะนาปรัง นายพลากร กล่าวว่า มาเยี่ยมให้กำลังใจผู้ปฏิบัติงาน พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว มีความห่วงใยขอให้ส่วนราชการที่เกี่ยวข้องทุกภาคส่วนช่วยเหลือประชาชน เร่งวางแผนจัดการน้ำในภาคการเกษตรและแนวทางการฟื้นฟู
สำหรับโครงการเขื่อนแควน้อยบำรุงแดน สร้างขึ้นตามพระราชดำริพระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร และทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ พระราชทานนามเขื่อนแห่งนี้ว่า เขื่อนแควน้อยบำรุงแดน มีความหมายว่า "เขื่อนแควน้อยที่ทำให้มีความเจริญในพื้นที่" โดยเป็นอ่างเก็บน้ำอเนกประสงค์ขนาดใหญ่ สามารถเก็บกักน้ำได้ 939 ล้านลูกบาศก์เมตร ช่วยบรรเทาปัญหาอุทกภัยบริเวณพื้นที่ลุ่มน้ำแควน้อยตอนล่างในเขต อ.เมือง อ.วังทอง และอ.บางกระทุ่ม จ.พิษณุโลก ยังสามารถส่งน้ำเพื่อการอุปโภคบริโภค และการเพาะปลูกทั้งในช่วงฤดูฝนและฤดูแล้งในพื้นที่โครงการฯ จำนวน 155,166 ไร่ ซึ่งครอบคลุมพื้นที่ 17 ตำบล 4 อำเภอ ได้แก่ อ.วัดโบสถ์ อ.วังทอง อ.เมืองพิษณุโลก และอ.พรหมพิราม รวมทั้งยังช่วยพื้นที่ในเขตทุ่งเจ้าพระยาในช่วงฤดูแล้งประมาณ 250,000 ไร่
นอกจากนี้ ยังเป็นแหล่งผลิตไฟฟ้าพลังน้ำซึ่งมีกำลังการผลิต 38 เมกะวัตต์ สามารถผลิตกระแสไฟฟ้าได้เฉลี่ยปีละ 148.8 เมกะวัตต์/ชั่วโมง รวมทั้งยังเป็นแหล่งเพาะพันธุ์สัตว์น้ำจืดขนาดใหญ่ สร้างอาชีพประมงน้ำจืดและยังเป็นสถานที่ท่องเที่ยวพักผ่อนของจังหวัดพิษณุโลกที่สร้างรายได้ให้กับประชาชน ปัจจุบันมีการจัดตั้งกลุ่มผู้ใช้น้ำ จำนวน 503 กลุ่ม มีสมาชิกรวม 3,472 ราย เพื่อบริหารจัดการน้ำให้เกิดประโยชน์กับทุกคน
ผู้สื่อข่าว:ปิยะธิดา เพชรดี