ทันสถานการณ์โลก ประจำวันพฤหัสบดี 29 สิงหาคม 2562
+++พนักงานของสายการบินฮ่องกง แอร์ไลน์ส ถูกร้องขอให้ลางานโดยไม่ได้รับค่าจ้างหรือลดชั่วโมงการทำงาน จากกระแสเงินสดขาดมือ ผลกระทบจากการชุมนุมประท้วงต่อต้านรัฐบาล ซึ่งทำให้นักเดินทางหลายแสนคนเลื่อนหรือแม้กระทั่งยกเลิกเยือนเกาะแห่งนี้ ส่วนคาเธ่ย์แปซิฟิกกรุ๊ป สายการบินคู่แข่งที่มีขนาดใหญ่กว่า ก็ออกคำเตือนเช่นกันว่าผลดำเนินงานของบริษัทจะได้รับผลกระทบอย่างมีนัยสำคัญนับตั้งแต่เดือนสิงหาคมเป็นต้นไป
+++ฮ่องกง แอร์ไลน์ส ระบุว่าการประท้วงเกิดผลกระทบร้ายแรงต่อเศรษฐกิจของเมืองและสถานการณ์ได้ลุกลามไปในวงกว้าง โดยอ้างถึงอุตสาหกรรมสำคัญๆต่างๆ ทั้งการท่องเที่ยว, สถานพยาบาล, การจัดเลี้ยง, ค้าปลีก, จัดส่งสินค้า, ขนส่งและการบิน ซึ่งทั้งหมดนี้มีรายได้ลดลงอย่างมาก ข้อมูลอย่างเป็นทางการพบว่าระหว่างวันที่ 1 สิงหาคมถึง 21 สิงหาคม จำนวนนักเดินทางที่เดินทางผ่านท่าอากาศยานนานาชาติฮ่องกง ลดลงร้อยละ 11 เมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อน เหลือ 4.16 ล้านคน ในขณะที่นักท่องเที่ยวขาเข้าฮ่องกงระหว่างวันที่ 15 ถึง 20 สิงหาคม ลดลงเกือบร้อยละ 50
+++การซ้อมรบระหว่างอาเซียนกับสหรัฐฯ พลจัตวาซอ มิน ตุน โฆษกกองทัพเมียนมา เปิดเผยว่า กองทัพเรือของเมียนมาจะเข้าร่วมการซ้อมรบทางเรือกับสหรัฐฯและกลุ่มอาเซียน ที่จะจัดขึ้นในอ่าวไทย ในวันที่ 2 กันยายนนี้ นับเป็นการแสดงความร่วมมือทางทหารที่เกิดขึ้นไม่บ่อยนักระหว่างสหรัฐฯกับกลุ่มอาเซียน เนื่องจากผู้นำระดับสูงหลายคนในกองทัพเมียนมา รวมถึงพล.อ.อาวุโส มิน อ่อง หล่าย ผู้บัญชาการทหารสูงสุดเมียนมา ถูกสหรัฐฯคว่ำบาตร เมื่อ 2 ปีก่อน เกิดปัญหาวิกฤติเกี่ยวกับชนกลุ่มน้อยชาวโรฮิงญาในรัฐยะไข่ ที่กองทัพเมียนมาถูกกล่าวหาว่าใช้กำลังปราบปรามชนกลุ่มน้อย ทำให้ชาวโรฮิงญา 740,000 คน อพยพเข้าไปที่บังกลาเทศ เพื่อนบ้าน
+++โฆษกกองทัพเมียนมา ระบุว่า กองทัพเมียนมาในฐานะหนึ่งใน 10 ประเทศสมาชิกของกลุ่มอาเซียนได้รับเชิญให้เข้าร่วมการซ้อมรบในปีนี้ จะมุ่งเน้นเรื่องการปราบปรามปัญหาอาชญากรรม โจรสลัด และเรื่องความมั่นคงของภูมิภาค พร้อมทั้งตั้งข้อสังเกตว่าการซ้อมรบในครั้งนี้ ไม่เกี่ยวข้องกับมาตรการของสหรัฐฯที่ห้ามผู้นำกองทัพเมียนมาเดินทางเข้าสหรัฐฯ จึงไม่เข้าข่ายละเมิดมาตรการคว่ำบาตรของสหรัฐฯ การที่สหรัฐฯคว่ำบาตรผู้นำกองทัพเมียนมาถือว่าเป็นเรื่องส่วนบุคคล แต่การร่วมซ้อมรบในครั้งนี้ถือเป็นความร่วมมือระหว่างอาเซียนกับสหรัฐฯ
+++ด้านกระทรวงการต่างประเทศสหรัฐฯ ระบุว่า การซ้อมรบร่วมกับ 10 ประเทศสมาชิกกลุ่มอาเซียนถือว่าเป็นโอกาสที่จะได้ทำงานร่วมกับสมาชิกทั้งหมดของกลุ่มอาเซียน โดยเฉพาะภารกิจเร่งด่วนคือเรื่องความมั่นคงทางทะเลในภูมิภาค
+++หลังญี่ปุ่นปลดเกาหลีใต้ออกจากรายชื่อประเทศที่ได้รับสิทธิพิเศษทางการค้า จากปัญหาข้อพิพาททางการค้าทำให้มีการควบคุมการส่งออกสินค้าไปเกาหลีใต้ ซึ่งเกาหลีใต้ก็ตอบโต้ด้วยการปลดญี่ปุ่นเช่นกัน ล่าสุด รัฐบาลเกาหลีใต้มีแผนจะอัดฉีดเงิน 5 ล้านล้านวอน หรือ 4,100 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ หรือ 126,000 ล้านบาท เพื่อสนับสนุนอุตสาหกรรมที่ผลิตชิ้นส่วนและวัตถุดิบในท้องถิ่น เริ่มตั้งแต่ปี 2563-2565 เพื่อส่งเสริมการผลิตสินค้าในท้องถิ่นให้มากขึ้น เพื่อสร้างเสถียรภาพทางการเงินให้บริษัทเอกชนของเกาหลีใต้ที่ประกอบธุรกิจผลิตชิ้นส่วน และลดการนำเข้าวัตถุดิบสำหรับใช้ผลิตสินค้าอุตสาหกรรมจากญี่ปุ่น
+++ราคาน้ำมันขยับขึ้นในวันพุธ หลังข้อมูลรัฐบาลสหรัฐฯเผยคลังปิโตรเลียมสำรองลดลงมากสุดในรอบ 5 สัปดาห์ สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เทกซัส อินเตอร์มีเดียต หรือ ไลต์สวีตครูด งวดส่งมอบเดือนตุลาคม เพิ่มขึ้น 85 เซนต์ ปิดที่ 55.78 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล ส่วนเบรนต์ลอนดอน งวดส่งมอบเดือนตุลาคม เพิ่มขึ้น 98 เซนต์ ปิดที่ 60.49 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล
+++ด้านตลาดหุ้นสหรัฐฯในวันพุธ ฟื้นตัวจากความเคลื่อนไหวในแดนลบช่วงต้นของการซื้อขาย ได้แรงหนุนจากหุ้นกลุ่มพลังงานและการเงิน แต่นักลงทุนยังคงจับตาความเป็นไปได้ที่สงครามการค้าระหว่างจีนกับสหรัฐฯอาจปะทุขึ้นอีกครั้ง
+++ดัชนีอุตสาหกรรมดาวโจนส์ เพิ่มขึ้น 258.20 จุด ปิดที่ 26,036.10 จุด เอสแอนด์พี เพิ่มขึ้น 18.78 จุด (0.65 เปอร์เซ็นต์) ปิดที่ 2,887.94 จุด แนสแดค เพิ่มขึ้น 29.94 จุด (0.38 เปอร์เซ็นต์) ปิดที่ 7,856.88 จุด
+++ภาคการเงินขยับขึ้น ร้อยละ 0.91 ฟื้นคืนเกือบทั้งหมดจากที่ดิ่งลงหนึ่งวันก่อนหน้านี้ หลังอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐฯอายุ 2 ปี อยู่สูงกว่าพันธบัตรอายุ 10 ปี ซึ่งมักเกิดขึ้นก่อนเศรษฐกิจสหรัฐฯเข้าสู่ภาวะถดถอย
+++ส่วนราคาทองคำในวันพุธ(28ส.ค.) ปิดลบเล็กน้อย จากแรงขายทำกำไรหลังจากพุ่งขึ้นแรงตลอดเดือนนี้ ทองคำโคเม็กซ์ ลดลง 2.70 ดอลลาร์ ปิดที่ 1,549.10 ดอลลาร์ต่อออนซ์
+++รัฐบาลนายกรัฐมนตรีบอริส จอห์นสัน ของสหราชอาณาจักร จะเข้าเฝ้าฯ สมเด็จพระราชินีนาถเอลิซาเบธที่ 2 แห่งสหราชอาณาจักร เพื่อขอให้มีพระบรมราชโองการ ปิดสมัยประชุมสภาผู้แทนราษฎรก่อนกำหนด ซึ่งเดิมจะครบกำหนดในสัปดาห์ที่สองของเดือนกันยายน เพื่อให้ส.ส.ฝ่ายค้าน มีเวลาไม่มากนักในการพิจารณาร่างกฎหมาย ขัดขวางไม่ให้สหราชอาณาจักรถอนตัวออกจากกลุ่มสหภาพยุโรป(อียู) แบบไร้ข้อตกลง และเป็นระยะเวลาไม่กี่วันก่อนที่ในวันที่ 31 ตุลาคม จะครบกำหนดถอนตัวออกจากอียู