สำนักงานสาธารณสุขประจำนครลอสแองเจลิส ของสหรัฐฯ เปิดเผยว่า สำนักงานอยู่ระหว่างการติดตามหาตัวผู้ที่เสี่ยงต่อการป่วยเป็นโรคหัด หลังจากวัยรุ่นหญิงจากนิวซีแลนด์ ซึ่งป่วยเป็นโรคหัด เดินทางมาเที่ยวดิสนีย์แลนด์ และสถานที่ท่องเที่ยวยอดนิยมอื่นๆ ทั่วตอนใต้ของรัฐแคลิฟอร์เนีย ขณะที่สำนักงานสาธารณสุขประจำออเรนจ์ เคาน์ตี้ ระบุว่า วัยรุ่นหญิงรายนี้พักอยู่ในพื้นที่ตอนใต้ของรัฐแคลิฟอร์เนีย ในช่วงระหว่างวันที่ 11-15 สิงหาคม
ทั้งนี้ การเฝ้าระวังมีขึ้นในช่วงที่สหรัฐฯ กำลังเผชิญกับการระบาดของโรคหัดครั้งเลวร้ายที่สุดในรอบ 25 ปี โดยข้อมูลจากศูนย์ควบคุมและป้องกันโรคของสหรัฐฯ หรือ ซีดีซี ระบุว่า มีรายงานพบผู้ป่วยโรคหัดมากกว่า 1,200 ราย ใน 30 รัฐของสหรัฐฯ นับตั้งแต่เดือนตุลาคม ปี 2561 เป็นต้นมา ซึ่งทำให้สหรัฐฯ เสี่ยงต่อการสูญเสียสถานะประเทศที่ปลอดจากโรคหัด หลังจากประกาศกำจัดโรคหัดจนหมดจากสหรัฐฯ ไปเมื่อปี 2543
…
เว็บไซต์ https://www.honestdocs.co ระบุว่า โรคหัด (Measles) เป็นโรคที่เกิดจากการติดเชื้อไวรัส มีลักษณะเด่นคือมีจุดเทาขาวในปาก และผื่นสีน้ำตาลแดงไล่จากหัวและคอลงมาที่ตัว ทำให้ไม่สบายตัว แต่ก็มักจะหายไปเองภายใน 7 ถึง 10 วันโดยไม่ก่อให้เกิดปัญหาเพิ่มเติม แต่ในบางครั้งอาจนำมาซึ่งภาวะแทรกซ้อนที่ร้ายแรงกว่า ที่เป็นอันตรายถึงชีวิตได้ในผู้ป่วยบางราย ซึ่งรวมไปถึงปอดบวมและไข้สมองอักเสบ
โรคหัดเป็นโรคที่พบเห็นได้ไม่บ่อยในหลาย ๆ ประเทศเนื่องจากนโยบายการจัดจ่ายวัคซีนให้ตั้งแต่เด็ก แต่โรคหัดเป็นโรคติดต่อ ฉะนั้นสามารถระบาดในผู้ที่ยังไม่เคยได้รับวัคซีนมาก่อน และพบได้มากกับเด็กเล็ก ซึ่งการติดเชื้อประเภทนี้มักจะหายไปเองภายใน 7 ถึง 10 วัน
หากเคยเป็นหัด ร่างกายจะผลิตภูมิต้านทานไวรัสชนิดนี้ขึ้นมาและลดโอกาสที่จะป่วยเป็นโรคหัดอีกครั้งลง