ศรีลังกา เห็นศักยภาพการขนส่งทางเรือของไทย ลงนามกับกทท.หวังเชื่อมความร่วมมือกับกลุ่มBIMSTEC

การยกระดับการพัฒนาท่าเรือระนองของประเทศไทยและท่าเรือฮัมปันโตตา ประเทศศรีลังกา Mr.Lance Zuo ผู้จัดการทั่วไป ท่าเรือฮัมปันโตตา ระบุว่า เห็นอาเซียนมีศักยภาพจึงต้องการเข้ามาเปิดตลาดลงทุน เลือกไทยเพราะเห็นว่ามีนโยบายขยายท่าเรือไปเชื่อมกับกลุ่มความร่วมมือภายใต้กรอบ BIMSTEC ยืนยันว่าจะส่งเสริมมูลค่าและกิจกรรมต่างๆของท่าเรือทั้งสองและจะดึงผู้สนใจมาร่วมลงทุนในความร่วมมือนี้ด้วย ด้านเรือโทกมลศักดิ์ พรหมประยูร ผู้อำนวยการการท่าเรือแห่งประเทศไทย(กทท.) กล่าวว่า ที่ผ่านมาศรีลังกานำเข้าจิวเวลรี่มาประเทศไทย ส่วนประเทศไทยก็ส่งออกสินค้าต่างๆไปจำนวนมาก ทำให้ปีที่แล้วไทยได้เปรียบดุลการค้าศรีลังกาประมาณ 7,000 ล้านบาท และท่าเรือฮัมปันโตตา ก็มีระดับน้ำทะเลที่เหมาะสมในการส่งสินค้าและมีศักยภาพที่ดีกว่าท่าเรือของไทย และเป็นไปตามนโยบายของรัฐบาลไทยที่ต้องการยกระดับทางการค้าในประเทศฝั่งอันดามัน 

กทท.จึงลงนามบันทึกความเข้าใจ (MOU) ระหว่างการท่าเรือแห่งประเทศไทย (ท่าเรือระนอง) และ Hambantota International Port Group Pvt Ltd.โดยความร่วมมือนี้มีเวลา 3 ปี เน้นยกระดับความร่วมมือท่าเรือทั้งสองในหลายด้าน โดยเฉพาะการขนส่งสินค้าระหว่างกันที่จะช่วยลดเวลาและต้นทุนการขนส่งลงได้ประมาณ 7-10 วัน และจะมีการแลกเปลี่ยนข้อมูลด้านต่างๆ เช่น การบริหารจัดการท่าเรือ, ระบบเทคโนโลยี และการพัฒนาอุตสาหกรรมที่เกี่ยวกับธุรกิจท่าเรือ ซึ่งไทยก็ต้องเร่งพัฒนาท่าเรือเพื่อรองรับการขนส่งสินค้าให้มากขึ้น ส่วนจะขยายความร่วมมือไปท่าเรือต่างๆในประเทศศรีลังกาหรือไม่จะขอรอดูผลความร่วมมือนี้ก่อน บันทึกความเข้าใจนี้ยังกำหนดให้ท่าเรือทั้งสองจัดประชุมเชิงปฏิบัติการร่วมกันเป็นประจำทุก 2 ปี เพื่อผลักดันให้การดำเนินงานมีผลเป็นรูปธรรม และต้องร่วมกันพิจารณาความเป็นไปได้ในการให้บริการขนส่งสินค้าโดยระบบตู้สินค้าระหว่างกัน เพื่อยกระดับการขนส่งและการลงทุนของทั้งสองประเทศด้วย

ผู้สื่อข่าว:ธีรวัฒน์ สิทธิเกรียงไกร