ความเคลื่อนไหวเมืองไทยวันนี้ 08.30น. 21 สิงหาคม 2562

21 สิงหาคม 2562, 08:48น.


พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ชี้แจงเรื่องมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ วงเงิน 3.16 แสนล้านบาทว่าจริงๆ แล้วใช้เงินประมาณ 4 หมื่นล้านบาทที่เหลือเป็นมาตรการทางภาษี การลดภาษี ชะลอการชำระหนี้ต่างๆ ถ้าคิดรวมเหล่านี้ด้วย เป็นมูลค่าประมาณ 3 แสนล้านบาท จำเป็นต้องแก้ปัญหาเพราะเศรษฐกิจกำลังมีปัญหา เช่นเดียวกับประเทศอื่นๆ รอบบ้านที่เศรษฐกิจตก เป็นมาตรการทางการเงินสมัยใหม่ ได้แก่ การใช้เงินกองทุน หรือการจัดตั้งกองทุนใหม่ อย่างประเทศในกลุ่มสหภาพยุโรป(อียู) มีกองทุนสนับสนุนเข้ามาช่วย แต่เราไม่มีอะไร มีแต่เงินของเราเอง นี่คือปัญหาที่เราต้องหารายได้เข้าประเทศ ส่วนอย่างอื่นเราก็ยังแก้ปัญหาอะไรไม่ได้ ที่จะให้มีเงินมากขึ้น เพราะสถานการณ์ยังแย่อยู่ ถึงต้องมีมาตรการผ่อนคลายทางการเงิน มีนโยบายช่วยค่าใช้จ่าย เพื่อให้มีการใช้เงินในระบบ การท่องเที่ยวก็มีส่วนสำคัญ แต่ต้องการนักท่องเที่ยวที่มีคุณภาพ นักท่องเที่ยวที่ไม่มีผลกระทบต่อความมั่นคง เพราะหลายคนก็เป็นห่วงว่า มาแล้วไม่กลับจะทำอย่างไร



นายดอน นาครทรรพ ผู้อำนวยการอาวุโส ฝ่ายเศรษฐกิจมหภาค ธนาคารแห่งประเทศไทย(ธปท.) กล่าวว่า มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจที่ออกมาคาดว่าจะมีผลช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจบ้าง ธปท.ประเมินว่าเศรษฐกิจปีนี้จะขยายตัวต่ำกว่าที่ประเมินไว้ที่ร้อยละ 3.3 จะมีการปรับประมาณการใหม่ในเดือนกันยายนนี้ ซึ่ง สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ(สศช.)รายงานว่าจีดีพีครึ่งปีแรกขยายตัวที่ ร้อยละ 2.6 ดังนั้น ครึ่งปีหลังจีดีพีจะต้องขยายตัวได้ร้อยละ 3.4 ทำให้ทั้งปีจีดีพีโตร้อยละ 3 ตามที่ สศช.คาดการณ์ไว้เสาหลักยังอยู่ที่การบริโภคเอกชน เพราะการลงทุนเอกชนชะลอลง การลงทุนรัฐล่าช้าเพราะต้องรอการจัดทำงบประมาณประจำปีงบประมาณ 2563 การส่งออกติดลบแต่ยังหวังว่าไตรมาสที่ 4 จะฟื้นตัวเป็นบวกได้ แต่พบว่าการจ้างงานแต่ละเซ็กเตอร์เริ่มชะลอตัว ถ้าตลาดแรงงานมีปัญหาโอกาสที่การบริโภคจะชะลอตัวได้ ซึ่งเราเห็นมาตรการกระตุ้นรัฐออกมาเน้นการบริโภค ถือว่าดีเพราะต้องประคับประคองเครื่องยนต์ที่ดีไว้ แม้ภาพรวมไม่ค่อยดีมากนัก



นายกอบศักดิ์ ภูตระกูล รองเลขาธิการนายกรัฐมนตรี ระบุว่า มาตรการนี้เป็นมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจมาตรการแรก จาก 7 มาตรการที่รัฐบาลออกมา ในวันที่ 30 สิงหาคมนี้ จะมีการมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจก๊อก 2 เข้าสู่การพิจารณาของคณะรัฐมนตรี(ครม.)เศรษฐกิจอีกมาตรการคือ มาตรการกระตุ้นด้านการลงทุนในประเทศ ผ่านการเร่งรัดการลงทุนภาครัฐที่มีอยู่ให้เดินหน้า รวมทั้งกระตุ้นการลงทุนเอกชน และการลงทุนจากต่างประเทศ โดยสำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน (บีโอไอ) ทั้งการลงทุนใหม่และการย้ายฐานการผลิตรวมทั้งจะมีมาตรการด้านการผลักดันการส่งออกไทย นอกจากนี้มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจถัดๆ ไป เช่น การผ่อนคลายกฎระเบียบต่างๆ ให้เอกชน หรือรายย่อย เช่น หาบเร่แผงลอย ประมง เป็นต้น เพื่อให้มีความสะดวกในการลงทุนหรือประกอบธุรกิจ



เรื่องใบยึดขับขี่ พล.ต.ท.ดำรงศักดิ์ กิตติประภัสร์ ผู้ช่วยผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ  กำชับการปฎิบัติตาม พ.ร.บ.จราจรทางบก (ฉบับที่ 12) พ.ศ.2562 ใจความว่า ตาม พ.ร.บ.จราจรทางบก (ฉบับที่ 12) พ.ศ.2562 ซึ่งประกาศในราชกิจจานุเบกษา และจะมีผลบังคับใช้ในวันที่ 20 ก.ย.นี้ สาระสำคัญ คือ เดิม พ.ร.บ.จราจรทางบก พ.ศ.2522 มาตรา 140 วรรคสองในการออกใบสั่ง ให้อำนาจเจ้าพนักงานจราจรหรือพนักงานเจ้าหน้าที่ในการเรียกเก็บใบอนุญาตขับขี่ไว้เป็นการชั่วคราวโดยบัญญัติว่า “ในการออกใบสั่งให้ผู้ขับขี่ชำระค่าปรับตามที่เปรียบเทียบตามวรรคหนึ่ง เจ้าพนักงานจราจรหรือพนักงานเจ้าหน้าที่จะเรียกเก็บใบอนุญาตขับขี่ไว้เป็นการชั่วคราวก็ได้” แต่เนื่องจากบทบัญญัติดังกล่าวถูกยกเลิกโดยมาตรา 10 แห่ง พ.ร.บ.จราจรทางบก (ฉบับที่ 12) พ.ศ.2562 ดังนั้นตั้งแต่วันที่ 20 ก.ย.เป็นต้นไป ในการออกใบสั่งเจ้าพนักงานจราจรจึงไม่มีอำนาจเรียกเก็บใบอนุญาตขับขี่ของผู้ขับขี่ต่อไป กรณีเจ้าพนักงานจราจรที่ออกใบสั่งไม่พบตัวผู้ขับขี่ และไม่สามารถติด ผูกหรือแสดงใบสั่งไว้ที่รถได้ไม่ว่าด้วยเหตุใด มาตรา 140 วรรคสอง แก้ไขเพิ่มเติมโดย (ฉบับที่ 12) พ.ศ.2562 บัญญัติให้ส่งใบสั่งพร้อมด้วยพยานหลักฐานโดยทางไปรษณีย์ลงทะเบียนตอบรับไปยังภูมิลำเนาของเจ้าของรถหรือผู้ครอบครองรถเพื่อให้ชำระค่าปรับ ดังนั้นในกรณีดังกล่าวการส่งใบสั่งเจ้าพนักงานจราจรต้องส่งใบสั่งพร้อมด้วยพยานหลักฐาน และต้องส่งทางไปรษณีย์ลงทะเบียนตอบรับ จึงจะถือว่าเจ้าของรถหรือผู้ครอบครองรถได้รับใบสั่งนั้นแล้วเมื่อผลกำหนด 15 วันนับแต่วันส่ง พล.ต.ท.ดำรงศักดิ์ กล่าวว่า ขณะนี้เจ้าหน้าที่ยังปฎิบัติตามกฎหมายเดิมไปก่อน และจะมีการประชุมกับขนส่งในเรื่องนี้อีกทีในปลายเดือน ส.ค. โดยหนังสือคำสั่งดังกล่าวกำชับเจ้าพนักงานจราจรและผู้ที่เกี่ยวข้อง เพื่อให้ไปศึกษาทำความเข้าใจ ก่อนจะมีผลบังคับใช้ในวันที่ 20 ก.ย.นี้



แฟ้มภาพ รัฐบาลไทย



 

ข่าวทั้งหมด

X