สรุปข่าว 19.35 น.
+++หลังมีคำเตือน ฝนตกหนัก ในภาคใต้ ที่ ท่าเทียบเรือปิโตรเลียมไทย จ.สงขลา ได้จัดส่งเรือขนาดใหญ่ไปรับพนักงาน และผู้รับเหมาทั้งคนไทยและชาวต่างชาติตามแหล่งผลิตก๊าซและขุดเจาะน้ำมัน บริเวณกลางทะเลอ่าวไทย จ.สงขลา เพื่ออพยพกลับขึ้นฝั่งจำนวน 115 คน เพื่อความปลอดภัย ก่อนหน้านี้ ศูนย์อุตุนิยมวิทยาฝั่งตะวันออก ประกาศเตือนฉบับที่ 3 จากภาวะเกิดหย่อมความกดอากาศต่ำกำลังแรง บริเวณทะเลจีนใต้ตอนล่าง ใกล้กับปลายแหลมญวนกำลังเคลื่อนตัวไปทางทิศตะวันตก เข้าปกคลุมอ่าวไทย และภาคใต้ตอนล่างคืนนี้ ก่อนที่จะเคลื่อนตัวไปทางทิศตะวันตกค่อนทางเหนือเล็กน้อย ผ่านภาคใต้สู่ทะเลอันดามัน ทำให้ระหว่างวันที่ 7-10 พฤศจิกายน บริเวณภาคใต้จะมีฝนเกือบทั่วไป หรือว่าประมาณร้อยละ 70-80 ของพื้นที่ และมีฝนตกหนักมากบางแห่ง คลื่นลมในทะเลอ่าวไทยจะสูง 2-4 เมตร
+++กลุ่มเคลื่อนไหวต่อต้านรัฐบาล พล.อ.อุดมเดช สีตบุตร ผู้บัญชาการทหารบก กล่าวว่า พบเป็นรูปแบบ เป็นการเสวนาแสดงความเห็น ซึ่งมีกฏระเบียบอยู่แล้วว่าต้องอนุญาตก่อน และต้องไม่มีเนื้อหาที่ทำให้เกิดการแตกความสามัคคี หรือการยุยงปลุกปั่น ซึ่งที่ผ่านมาก็เรียบร้อยดี อยากให้ทุกฝ่ายเข้าสู่กระบวนการปฏิรูป ซึ่งรัฐบาลดำเนินการอยู่ แม้ไม่ได้เข้ามาเป็นสมาชิกสภาปฏิรูปแห่งชาติ (สปช.) แต่สามารถเข้ามาแสดงความคิดเห็นให้ สปช.ได้ เพราะหากไปตั้งกลุ่ม ไปตั้งสภาเอาเอง เกรงว่าจะทำให้เกิดภาพไม่เอื้อต่อความรักความสามัคคี และความสงบเรียบร้อย
+++ทั้งนี้รัฐบาลเห็นว่ายังไม่จำเป็นประกาศมาตรา 44 (รัฐธรรมนูญชั่วคราวมาตรา 44 ให้อำนาจหัวหน้า คสช.ในการดูแลสถานการณ์) ตอนนี้ยังไม่ใช้ ขอให้เข้าใจว่า คสช.มีอำนาจ แต่ไม่ได้หมายความว่าจะทำ ยืนยันในข้อสั่งการว่าให้ใช้วิธีการทำความเข้าใจ ผบ.ทบ.ยืนยันว่าความปรองดองจะเกิดขึ้นได้ด้วยการผสมผสานแนวคิดที่เป็นที่ยอมรับและความพึงพอใจ จะไปจำกัดใครหรือกลั่นแกล้งใคร นายกรัฐมนตรีจะไม่ทำ ยุทธศาสตร์จึงต้องสร้างการยอมรับและความพอใจ ถ้าสิ่งที่รัฐบาลทำแล้วไม่เกิดการยอมรับ จะทำไปทำไม ขอให้เข้าใจและไม่เดินไปคนละทิศคนละทาง
+++พระพุทธะอิสระโพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กส่วนตัว ตอนหนึ่ง ระบุว่า หลังจากเดินทางมาจ.เชียงใหม่เพื่อติดตามโครงการรีไซเคิลขยะ ทำให้ได้รับข้อมูลว่ากำนัน ผู้ใหญ่บ้านหลายคน เริ่มมีเงินลอยมาเข้ากระเป๋า ตรวจสอบดูข้อมูลข่าวจากหลายแหล่ง เห็นว่ามีคนแดนไกลใจดีแจกเงินมาให้หัวคะแนนเอาไว้ใช้เคลื่อนไหวซ่องสุมมวลชน เพื่อต่อต้าน พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรัฐบาล น่าจะตรวจสอบข้อมูล หากปล่อยให้เนิ่นนานไปเดี๋ยวงานได้เข้ารัฐบาลแน่ ได้ยินมาว่ามวลชนเที่ยวนี้มีสารพัดสี
+++พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี กล่าวในรายการ “คืนความสุขให้คนในชาติ” ออกอากาศทางโทรทัศน์รวมการเฉพาะกิจแห่งประเทศไทย วันนี้ (7 พ.ย.) นาน 55.15 นาที ออกอากาศ 20.15 น.
+++ภารกิจสัปดาห์หน้า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) มีกำหนดการเดินทางเข้าร่วมการประชุม ผู้นำประเทศกรอบความร่วมมือทางเศรษฐกิจเอเชีย - แปซิฟิค หรือเอเปค ครั้งที่ 22 ที่กรุงปักกิ่ง สาธารณรัฐประชาชนจีน ระหว่างวันที่ 9 - 11 พ.ย.นี้ โดยมีสมาชิก 21 เขตเศรษฐกิจเข้าร่วม และมีผู้นำชาติต่างๆ ตอบรับแล้ว อาทิ นายบารัค โอบามา ประธานาธิบดีสหรัฐฯ นายชินโซ อาเบะ นายกรัฐมนตรีญี่ปุ่น นายวลาดิเมียร์ ปูติน ประธานาธิบดีรัสเซีย นายโทนี่ แอบบอตต์ นายกรัฐมนตรีออสเตรเลียเป้าหมายหลักในการเปิดเสรีทางการค้าและการลงทุน
+++ในที่ประชุมนายกฯ จะกล่าวถ้อยแถลง โดยมีสาระสำคัญเกี่ยวกับการสนับสนุนการรวมกลุ่มทางเศรษฐกิจในภูมิภาค การลดปัญหาความเหลื่อมล้ำเพื่อการเจริญเติบโตที่ยั่งยืน การเน้นความมั่นคงทางอาหารและพลังงาน หลังจากนั้น พล.อ.ประยุทธ์ มีกำหนดการร่วมประชุมสุดยอดอาเซียน ครั้งที่ 25 ระหว่างวันที่ 12 - 13 พ.ย.นี้ ที่กรุงเนปิดอว์ สาธารณรัฐแห่งสหภาพเมียนมาร์ ยังจะมีการประชุมระหว่างผู้นำอาเซียนกับจีน ญี่ปุ่น เกาหลีใต้ สหรัฐอเมริกา อินเดีย ออสเตรเลีย และเลขาธิการสหประชาชาติ รวมถึงการประชุมสุดยอดประเทศลุ่มน้ำโขง - ญี่ปุ่น การประชุมสุดยอดอาเซียนบวกสาม และการประชุมสุดยอดเอเชียตะวันออกด้วย สำหรับประเทศไทย นายกฯ จะย้ำถึงความมุ่งมั่นของไทยที่จะแสดงบทบาทสร้างสรรค์อย่างต่อเนื่องในอาเซียน
+++พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา รัฐมนตรีว่ารกระทรวงมหาดไทย เรียกร้องให้ ปปช. หรือสตง มาตรวจสอบได้เลย ที่มีกระแสข่าวว่ามีผลประโยชน์ทับซ้อนกับบริษัทพฤกษาพรรณพัฒนา จำกัด ซึ่งเป็นบริษัทรับจัดอีเว้นท์งานคืนความสุข มีสื่อบางฉบับลงว่าบริษัท พฤกษพรรณ พัฒนา จำกัด เป็นบริษัทรับจัดอีเวนท์ ในความจริงเป็นเพียงบริษัทรับเหมาก่อสร้างเท่านั้น ส่วนที่มีข้อสงสัยว่าตนเป็นกรรมการบริษัท พฤกษพรรณ พัฒนา จำกัด น่าจะรู้จักกับนายชาญชัย พาณิชยารมณ์ ซึ่งเป็นกรรมการเช่นเดียวกัน และเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่บริษัทจัดอีเวนท์นั้น ด้วยความสัตย์จริงไปเป็นเพียงกรรมการบอร์ด อยากศึกษางานก่อสร้าง ที่สำคัญง่ายๆ เรื่องนี้ดำเนินคดีเลย
+++นายพรเพชร วิชิตชลชัย ประธานสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) ตอบกรณี สนช.สายทหาร จำนวนหนึ่ง ไม่เข้าร่วมประชุมเมื่อวานนี้ ซึ่งการลงมติเรื่องการถอดถอน นักการเมือง คนสำคัญ ถือว่าผิดสังเกตหรือไม่ นายพรเพชร กล่าวว่า ไม่ถือว่ามีอะไรผิดสังเกต เพราะได้มีการแจ้งลาประชุมถูกต้องเรียบร้อย โดย สนช.สายทหาร บางส่วน ไปทอดกฐินพระราชทาน และติดภารกิจเดินทางไปต่างประเทศจริงๆ ทั้งนี้ หากมีสมาชิกไม่ได้แจ้งลาก็ทำให้ขาดการประชุม เมื่อครบตามกำหนดก็ส่งผลต่อสถานะในการดำรงตำแหน่ง สนช.ดังนั้น อยากวิงวอนให้สมาชิกมาร่วมประชุมกันมากๆ ส่วน กังวลหรือไม่ว่าเสียงจะไม่ถึง 3 ใน 5 ทำให้ไม่สามารถถอดถอนนายสมศักดิ์ และนายนิคมได้ นายพรเพชร กล่าวว่า ผมจะกังวลทำไม เป็นเรื่องของที่ประชุมที่จะพิจารณา
+++สมาคมค้าทองคำ รายงานราคาทองวันนี้ โดยทองแท่งรับซื้อบาทละ 17,650 ขายออกบาทละ 17,750 ทองรูปพรรณ รับซื้อบาทละ 17,388.52 ขายออกบาทละ 18,150 ขณะที่ตลาดทองโลก ร่วงลงติดต่อกันเป็นวันที่ 7 แล้ว เนื่องจากยังถูกกดดันจากสกุลเงินดอลลาร์สหรัฐฯ ที่ยังคงอยู่ในระดับสูง นอกจากนี้ ข้อมูลเศรษฐกิจที่แข็งแกร่งของสหรัฐฯ ยังส่งผลให้นักลงทุนเทขายทองคำ ซึ่งเป็นสินทรัพย์ที่ปลอดภัย ส่งผลให้ราคาทองตกต่ำ
+++ดัชนีตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย ปิดตลาด ลดลง 2.40 จุด ที่1,578.37จุดมูลค่าซื้อขาย62,257.23ล้านบาท นักลงทุนต่างชาติซื้อสุทธิ1,354.73 ล้านบาท
+++นายแมทธิว วิลเลียมส์ วัย 34 ปี ก่อเหตุสะเทือนขวัญด้วยการควักลูกตาเหยื่อสาววัย 22 ปี ซึ่งไม่ได้รับการเปิดเผยชื่อออกมารับประทาน และกัดกินเนื้อครึ่งหนึ่งของใบหน้าเธอจนเสียชีวิตในโรมแรม “เซอร์ โฮวี อาร์มส์”ใกล้ย่านแบล็ควูด ทางตอนใต้ของแคว้นเวลส์ สหราชอาณาจักรที่ทั้งคู่เช่าอยู่ร่วมกัน
+++ตำรวจ ได้รับแจ้งเมื่อเวลากลางดึก 1.23 น.และต้องพังประตูเข้าไป แต่ก็ต้องสะดุ้งเฮือกพบภาพสยองขวัญขณะเขากำลังอยู่ในอาการเมาโคเคน ควักลูกตาของเหยื่อออกมากิน พร้อมกัดกินใบหน้าของเหยื่อจนหายไปครึ่งหนึ่ง ตำรวจตัดสินใจหยุดยั้งการกระทำของเขาด้วยการใช้กระแสไฟช็อตร่างจนนายวิลเลียมส์สลบแน่นิ่งไป เจ้าหน้าที่การแพทย์จึงเข้าดูอาการ แต่ปรากฎว่าเขาเสียชีวิตไปแล้ว ขณะที่เหยื่อของเขาก็เสียชีวิต เพราะทนพิษบาดแผลไม่ไหวในที่เกิดเหตุเช่นกัน
+++ศาลมาเลเซียมีคำตัดสินให้สาวประเภทสองชนะคดีที่ยื่นฟ้องว่ากฎหมายห้ามบุคคลแต่งตัวไม่ตรงกับเพศสภาพขัดต่อหลักรัฐธรรมนูญ ผู้พิพากษาสามคนของศาลอุทธรณ์มาเลเซีย มีคำตัดสินวันนี้ว่า การแต่งกายของบุคลเป็นเรื่องสิทธิของการแสดงออก ซึ่งได้รับการคุ้มครองตามหลักรัฐธรรมนูญ ปัจจุบัน ตามมาตรา 66 ของกฎหมายอิสลามในรัฐเนเกรีเซมบิลัน กำหนดให้ลงโทษชายที่แต่งตัวเป็นผู้หญิงได้นาน 6 เดือนหรือปรับเงิน 1,000 ริงกิต คำตัดสินล่าสุดเป็นการพลิกคำตัดสินของศาลชั้นต้นเมื่อปี 2555 ที่ไม่รับฟังคำอุทธรณ์ของสาวข้ามเพศทั้งสามคน ที่ถูกจับกุมเมื่อ 4 ปีที่แล้วภายใต้กฎหมายของรัฐเนเกรีเซมบิลัน นักเคลื่อนไหว เพื่อสิทธิของบุคคลข้ามเพศ บอกว่า คำตัดสินของศาลวันนี้ถือเป็นสิ่งที่มีความหมายอย่างยิ่งต่อสังคมของพวกเขา อย่างน้อยพวกเขาได้รู้ว่าตัวเองมีสิทธิที่จะคัดค้านกฎหมายได้