ผลการดำเนินงานครึ่งปีแรก 2562 ของบริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) (ปตท.) นายชาญศิลป์ ตรีนุชกร ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ เปิดเผยว่า ดำเนินงานในครึ่งแรกของปีปรับลดลงเล็กน้อยจากเป้าหมาย เมื่อเทียบกับปีก่อนเนื่องจากสถานการณ์สงครามทางการค้าระหว่างประเทศมหาอำนาจที่ยังไม่มีความชัดเจน ส่งผลให้การขยายตัวของเศรษฐกิจโลกลดลง รวมถึงค่าการกลั่น (Gross Refinery Margins : GRM) และส่วนต่างราคาผลิตภัณฑ์กับวัตถุดิบของผลิตภัณฑ์ปิโตรเลียมและปิโตรเคมีเกือบทุกประเภทลดต่ำลง
นอกจากนั้น ปตท. ยังมุ่งเน้นแนวทางการบริหารจัดการความยั่งยืนกลุ่ม ปตท.ตามหลัก 3P โดยให้ความสำคัญ 3 ด้านอย่างสมดุล ได้แก่ People การพัฒนาทรัพยากรมนุษย์ ชุมชน และสังคม Planet การอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม และ Prosperity การดำเนินธุรกิจอย่างยั่งยืน โดยมีเป้าหมายในการทำธุรกิจแบบ Clean
ส่วนรายได้ดำเนินงาน ปตท.และบริษัทย่อย น.ส.พรรณนลิน มหาวงศ์ธิกุล ประธานเจ้าหน้าที่บริหารการเงิน กล่าวว่า กลุ่ม ปตท.มีรายได้จากการขายและให้บริการรวม 1,121,196 บาท เพิ่มขึ้น 9,437 ล้านบาท หรือคิดเป็นร้อยละ 1 จากช่วงเดียวกันเมื่อเทียบจากปีก่อน เพิ่มขึ้นจากกลุ่มก๊าซธรรมชาติโดยหลักจากธุรกิจจัดหาและจำหน่ายก๊าซฯ และธุรกิจสำรวจและผลิตปิโตรเลียม จากปริมาณขายเฉลี่ยและราคาขายเฉลี่ยที่เพิ่มขึ้น รวมถึงธุรกิจเทคโนโลยีและวิศวกรรมจากการที่ บริษัท โกลบอล เพาเวอร์ ซินเนอร์ยี่ จำกัด (มหาชน) (GPSC) เข้าซื้อบริษัท โกลว์ พลังงาน จำกัด (มหาชน) (GLOW)
แม้ว่ารายได้ปตท. และบริษัทย่อย จะเพิ่มขึ้น แต่เมื่อคำนวณจากกำไรสุทธิ 55,250 ล้านบาท เปรียบเทียบกับปีก่อน ลดลง 14,567 ล้านบาท หรือ ร้อยละ 21 จากผลการดำเนินงานของกลุ่มธุรกิจปิโตรเคมีและการกลั่นปรับลดลง เนื่องจากส่วนต่างราคาผลิตภัณฑ์กับวัตถุดิบของผลิตภัณฑ์ปิโตรเลียมและปิโตรเคมีเกือบทุกประเภทลดต่ำลง กำไรสต๊อกน้ำมันที่ลดลงตามราคาน้ำมันดิบ รวมถึงกลุ่มธุรกิจก๊าซธรรมชาติมีผลการดำเนินงานลดลง จากหลักการของธุรกิจโรงแยกก๊าซธรรมชาติที่ราคาขายอ้างอิงราคาปิโตรเคมีปรับลดลง แต่ต้นทุนก๊าซฯ ปรับสูงขึ้น ยืนยันด้วยว่า ปตท. ไม่ได้กำไรเยอะ อย่างที่ทุกคนเข้าใจ แต่รายได้หลักก็มาจาก บริษัทกลุ่ม ปตท.
ด้านนางอรวดี โพธิสาโร รองกรรมการผู้จัดการใหญ่กลยุทธ์องค์กร เปิดเผยถึงผลกระทบในครึ่งปีหลังหรือในสิ้นปีนี้ของธุรกิจหลักว่าธุรกิจหลักกลุ่ม ปตท.ยังไม่ดีขึ้น แต่ค่าการกลั่นจะดีขึ้นจะส่งผลดีกับกลุ่มธุรกิจโรงกลั่นของ ปตท. ส่วนปิโตรเคมี อะโรเมติกส์ โอเลฟินส์ ซึ่งเป็นสินค้าหลักของกลุ่มปตท.ยังไม่ดีขึ้น แต่กลุ่มปตท. ก็จะพัฒนาในเรื่องของความสามารถในการผลิต และให้ความสำคัญในการใช้ประโยชน์ในสิ่งที่มีอยู่แล้วเพื่อผลักดันให้ผลประกอบการสูงขึ้นจากการใช้ความสามารถที่มีอยู่ อย่างไรก็ตาม ปตท.พร้อมปรับตัวให้ทันโลก ทันเทคโนโลยี พร้อมให้ความสำคัญกับการเติมโตของกลุ่มธุรกิจ ที่ยังต้องหาสิ่งใหม่ ธุรกิจใหม่ เช่น Smart city ,Battery หากเติบโตได้ก็จะต่อยอดกับกลุ่ม ปตท. ต่อไป
ผสข.อรอุมา แคนดา