สทนช. เปิดรับฟังความเห็นจัดทำแผนแม่บทบริหารจัดการลุ่มน้ำสะแกกรัง

ในการเสวนา "ทิศทางการบริหารทรัพยากรน้ำในลุ่มน้ำสะแกกรัง ภายใต้การเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ"

นายสิริวิชญ กลิ่นภักดี ผู้อำนวยการกองบริหารจัดการลุ่มน้ำ สำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติ หรือ สทนช. ระบุว่า ลุ่มน้ำสะแกกรังมีปัญหาการบริหารจัดการน้ำมาโดยตลอด ทั้งปัญหาเรื่องสภาพภายในพื้นที่, ปัญหาคุณภาพน้ำ และปัญหาน้ำท่วม น้ำแล้ง จึงต้องมีการทบทวนแผนการทำงาน พร้อมลงพื้นที่รับฟังความเห็นประชาชน ร่วมด้วยการนำโครงการประเมินสิ่งแวดล้อมระดับยุทธศาสตร์พื้นที่ลุ่มน้ำสะแกกรังมาใช้เป็นเครื่องมือในการแก้ปัญหา ซึ่งยังอยู่ระหว่างการศึกษา ก่อนนำไปสรุปเป็นแผนแม่บทในการบริหารจัดการทรัพยากรน้ำในลุ่มน้ำสะแกกรัง

ส่วนนายทิม มาห์เลอร์ ผู้อำนวยการองค์กรความร่วมมือระหว่างประเทศของเยอรมนี ประจำประเทศไทยและมาเลเซีย บอกว่า เยอรมนีจะนำประสบการณ์ด้านเทคโนโลยีเกี่ยวกับการประเมินการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศมาช่วยประเทศไทยในการวางแผนบริหารจัดการน้ำในพื้นที่ลุ่มน้ำสะแกกรังและลุ่มน้ำยม แต่สิ่งสำคัญคือทุกฝ่ายต้องร่วมมือและรับฟังความเห็นกันเพื่อให้การพัฒนาลุ่มน้ำทั้งสองเดินหน้าได้

ต่อมานางณัฏฐนิช อัศวภูษิตกุล ผู้อำนวยการ กองประสานการจัดการ การเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ สำนักงานนโยบายและแผนทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม บอกว่า ขณะนี้ประเทศไทยติดอันดับ 1 ใน 10 ของประเทศที่มีความเสี่ยงสูงสุดที่จะได้รับผลกระทบจากการเปลี่ยนแปลงของสภาพภูมิอากาศ สำนักงานนโยบายและแผนทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมจึงได้จัดทำแผนแม่บทด้านการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศแบบระยะยาวเพื่อเตรียมพร้อมรับมือกับการเปลี่ยนแปลงของอากาศ ซึ่งจะสอดคล้องกับแผนยุทธศาสตร์ชาติ 20 ปี

จากนั้นมีการให้ความเห็นถึงทิศทางและความคาดหวังในการพัฒนาลุ่มน้ำสะแกกรัง โดยนายณรงค์ รักร้อย ผู้ว่าราชการจังหวัดอุทัยธานี ในฐานะประธานคณะกรรมการลุ่มน้ำสะแกกรัง แบ่งพื้นที่การพัฒนา ออกเป็น 3 ตอน คือ พื้นที่ต้น, กลาง และปลายน้ำ ในพื้นที่ต้นน้ำสิ่งสำคัญคือต้องช่วยกันสร้างและดูแลป่า โดยเฉพาะเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าห้วยขาแข้งที่เป็นต้นน้ำของลุ่มน้ำสะแกกรัง พื้นที่กลางน้ำหวังให้มีน้ำเพียงพอทุกปีสำหรับการทำการเกษตรที่มีอยู่หลายแสนไร่ ขณะที่พื้นที่ปลายน้ำที่เชื่อมต่อกับแม่น้ำเจ้าพระยาหวังพัฒนาให้เป็นแหล่งท่องเที่ยว

...

ผสข.ธีรวัฒน์ สิทธิเกรียงไกร