+++แนวโน้มการกระตุ้นเศรษฐกิจไทยปีหน้า ม.ร.ว.ปรีดิยาธร เทวกุล รองนายกรัฐมนตรี ปาฐกถาพิเศษหัวข้อ "เศรษฐกิจไทย ปี 2558 ฟื้นหรือฟุบ" ว่าภาพรวมเศรษฐกิจไทยปีหน้า ผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (จีดีพี) จะขยายตัว เพิ่มขึ้น เมื่อเทียบกับปีนี้ไม่น้อยกว่าร้อยละ 4 เนื่องจากปีนี้เศรษฐกิจไทยมีฐานการขยายตัวที่ต่ำ จากภาวะเศรษฐกิจที่ชะลอตัว จากการเบิกจ่ายงบประมาณภาครัฐที่ชะงักมาตั้งแต่เดือนพ.ย. 2556 จนถึงเดือนพ.ค.2557 รวมทั้งเศรษฐกิจต่างประเทศทั้งสหรัฐฯ ญี่ปุ่นและสหภาพยุโรป (อียู) ยังไม่ฟื้นตัวชัดเจนทำให้ไทย ไม่สามารถพึ่งพาการส่งออกได้ ในส่วนของไทย แม้รัฐบาลจะมีมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ แต่พบว่าหลังจากการประกาศมาตรการแล้ว ยังไม่เกิดผลต่อเศรษฐกิจเร็วอย่างที่คิดไว้ เหมือนกับกดปุ่มแล้วงานไม่เดิน เป็นผลมาจากเม็ดเงินงบประมาณไตรมาสที่ 1 ปีงบประมาณ 2558 วงเงิน 1.4 แสนล้านบาท มีการขออนุมัติ เบิกจ่ายล่าช้า เนื่องจากส่วนราชการบางแห่ง ส่งโครงการจัดซื้อจัดจ้างล่าช้า ทำให้ถึงขณะนี้ มีโครงการที่อนุมัติจัดซื้อจัดจ้างได้เพียง 1.4 หมื่นล้านบาทเท่านั้น ถือว่าน้อยกว่า เป้าหมายที่ตั้งไว้
+++ขณะที่งบประมาณกระตุ้นเศรษฐกิจอีก 2.3 หมื่นล้านบาท ที่ต้องการให้เกิดการจ้างงานในชนบท ในลักษณะการซ่อมแซมสถานศึกษา และสถานที่ราชการ งบ 1.5 หมื่นล้านบาท เป็นงบจากโครงการไทยเข้มแข็งรัฐบาลต้องเสนอให้สภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) รับทราบก่อนถึงจะเบิกจ่ายได้ คาดจะใช้เวลา 1-2 สัปดาห์ เงินส่วนนี้จะลงสู่ระบบเศรษฐกิจได้เดือนธ.ค.นี้ ซึ่งเป็นช่วงชาวนาเก็บเกี่ยวข้าวเสร็จพอดี เป็นการจ้างงานต่อเนื่อง ทำให้ชนบทมีกำลังซื้อ
+++ม.ร.ว.ปรีดิยาธร กล่าวว่า ระยะต่อไปต้องให้ความสำคัญกับการแก้ไขจุดอ่อนทางเศรษฐกิจ นอกจากรัฐบาลจะเดินหน้าเก็บภาษีจากทรัพย์สิน ได้แก่ภาษีมรดก ภาษีที่ดิน โรงเรือนและสิ่งปลูกสร้างแล้ว ระยะต่อไปจะมีการเก็บภาษีสินค้าฟุ่มเฟือย หรือสินค้าที่ไม่ได้ให้ประโยชน์กับผู้บริโภค เช่น เครื่องดื่มที่ไม่ให้ประโยชน์กับร่างกาย สิ่งเหล่านี้จะทำควบคู่ไปโดยไม่ทำให้เกิดผลกระทบกับประชาชนที่มีรายได้น้อย พร้อมกับพิจารณาสิทธิในการลดหย่อนภาษีของผู้มีรายได้น้อยเพิ่มเติม ขณะที่ผู้มีรายได้มากที่มีช่องทางในการลดหย่อนภาษีผ่านกองทุนต่างๆก็ต้องมาพิจารณาความ เหมาะสมในเรื่องนี้อีกครั้ง
+++ซึ่งบ่ายนี้ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ประชุมคณะกรรมการนโยบายที่ดินแห่งชาตินัดแรก เพื่อผลักดันแผนแม่บทการจัดสรรที่ดินให้ประชาชนที่ยากจนได้มีที่ดินทำกินและป้องกันการบุกรุกพื้นที่ป่าขายเอกสารสิทธิให้นายทุน
+++ในมุมของหน่วยงานเศรษฐกิจสำคัญ นายดอน นาครทรรพ ผู้อำนวยการ สำนักเศรษฐกิจมหภาค ธนาคารแห่งประเทศไทย(ธปท.) กล่าวว่า การฟื้นตัวของเศรษฐกิจไทย ยังมีทิศทางที่ดี โดยในปีนี้หากเศรษฐกิจไทยเติบโตได้ร้อยละ 1.5 ก็ถือเป็นระดับที่น่าพอใจ เพราะช่วงที่ผ่านมาเศรษฐกิจไทยได้หยุดชะงักและไม่ถูกขับเคลื่อนมา ต่อเนื่อง แม้จะเติบโตไม่มากนักในรูปแบบวีเชฟ แต่ก็ไม่ถึงกับฟุบ ส่วนในปีหน้าเชื่อว่าจะเติบโตได้ ไม่ต่ำกว่าร้อยละ 4 แน่นอน เศรษฐกิจไทยในตอนนี้เหมือนพึ่งออกจากห้องไอซียู ต้องรอการพักฟื้นก่อนที่จะกลับมาวิ่งอย่างเต็มศักยภาพอีกครั้ง
+++เรื่องของพลังงาน ภาคครัวเรือนเตรียมพร้อม หลังจากที่มีรายงานระบุว่า เดือนนี้ จะเสนอแนวทางการปรับโครงสร้างราคาน้ำมันและก๊าซให้คณะกรรมการนโยบายพลังงานแห่งชาติ (กพช.)พิจารณา ปัญหาใหญ่ที่สุดคือ การขึ้นราคาแอลพีจี ซึ่งจะกระทบกับประชาชน 23.5 ล้านครัวเรือน และรถยนต์ 1.2 ล้านคัน ซึ่งเรื่องนี้ ม.ร.ว.ปรีดิยาธร กล่าวว่า รัฐบาลกำลังแก้ไขจุดอ่อนของเศรษฐกิจด้วยการปรับโครงสร้างราคาพลังงาน น้ำมัน ให้สะท้อนกับความเป็นจริง เชื่อว่าเมื่อราคาแพงขึ้นจะมีการใช้พลังงานอย่างมีประสิทธิภาพ
+++ด้านนายเบญจรงค์ สุวรรณคีรี ผู้อำนวยการศูนย์วิเคราะห์เศรษฐกิจธนาคารทหารไทย กล่าวว่า การปรับโครงสร้างราคาพลังงานส่งผลต่อเงินเฟ้อรวมไม่มาก แต่จะส่งผลต่อค่าครองชีพของประชาชนกลุ่มรากหญ้ามากกว่า ที่จะมีต้นทุนการดำรงชีวิตสูงขึ้นจากราคาสินค้าที่อาจปรับเพิ่มตามราคาพลังงาน โดยเฉพาะราคาอาหารสำเร็จรูป
+++เช้านี้ ม.ร.ว. สุขุมพันธุ์ บริพัตร ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร(กทม.) เปิดอุโมงค์ยักษ์ (บางซื่อ) ซึ่งโครงการก่อสร้างอุโมงค์ระบายน้ำนี้ จากคลองลาดพร้าวถึงแม่น้ำเจ้าพระยา เป็นหนึ่งในโครงการก่อสร้างอุโมงค์ยักษ์ เพื่อป้องกันและแก้ปัญหาน้ำท่วมพื้นที่กทม. สอดคล้องกับแผนหลักระบบป้องกันและระบายน้ำที่จำเป็นต้องใช้อุโมงค์ระบายน้ำ เพื่อดึงน้ำจากพื้นที่ด้านในออกสู่แม่น้ำเจ้าพระยา และมีส่วนช่วยแก้ปัญหาน้ำท่วมอย่างยั่งยื่น
+++คดีอาชญากรรม นายธวัชชัย เสียงแจ้ว อธิบดีอัยการภาค 8 เปิดเผยว่า หลังพูดคุยกับ พล.ต.ต. ปวีณ พงษ์สิรินทร์ รอง ผบช.ภ.8 ในฐานะหัวหน้าพนักงานสอบสวนคดี ทราบว่าพนักงานสอบสวนได้สอบเพิ่มในประเด็นเพิ่มเติมที่ทางอัยการแนะนำไปแล้ว โดยขั้นตอนของการสอบสวนขณะนี้มีความคืบหน้าร้อยละ 80 ทางพนักงานสอบสวนจะส่งสำนวนสอบเพิ่มเติมได้ภายใน 2 สัปดาห์นี้ จากนั้นทางองค์คณะอัยการภาค 8 จะสรุปและนำส่งอัยการจังหวัดเกาะสมุยตามขั้นตอน เพื่อสั่งฟ้องสองผู้ต้องหาชาวเมียนมาร์ต่อศาลจังหวัดเกาะสมุยทันที คาดว่าน่าจะส่งฟ้องได้ก่อนสิ้นเดือน พ.ย. นี้ วันนี้ อัยการจังหวัดเกาะสมุยจะเบิกตัวผู้ต้อง หาทั้ง 2 คนจากเรือนจำอำเภอเกาะสมุยไปฝากขังต่อศาลเป็นผลัดที่ 4 อัยการมีอำนาจฝากขังผู้ต้องหาได้ถึง 7 ผลัดเป็นเวลา 84 วัน เนื่องจากคดีนี้เป็นคดีสำคัญและอยู่ในความสนใจของประชาชน.
+++กรณีผู้ใช้เครือข่ายสังคมออนไลน์แชร์คลิป ชายขับรถยนต์ยี่ห้อมิตซูบิชิ รุ่นแลนเซอร์ สีเทา ทะเบียน ฆถ 2238 กรุงเทพมหานคร ขับแทรกรถคันอื่นเพื่อเข้าในช่องทางด่วน แต่รถคันคู่กรณีไม่ยอมให้แทรก ผู้ขับรถมิตซูบิชิจึงขับรถปาดหน้าก่อกวน รวมทั้งจอดรถเดินลงมาด่าพร้อมกล่าวในทำนองหาเรื่องซึ่งมีผู้ใช้เครือข่ายสังคมออนไลน์ได้ร่วมวิพากษ์วิจารณ์ และส่งต่อคลิปดังกล่าวอย่างกว้างขวาง โดยลงโทษไปแล้ว พ.ต.อ.ธวัชเกียรติ จินดาควรสนอง ผกก.สน.บางนา เปิดเผยว่า พนักงานสอบสวนส่งนายดุษฎี หรืออาร์ม ฐิติวร อายุ 33 ปี พนักงานฝ่ายวิเคราะห์สินเชื่อ ในอาคารเอ็กซิม ย่านพหลโยธิน ผู้ต้องหาฟ้องต่อศาลจังหวัดพระโขนง โดยศาลพิพากษาลงโทษจำคุก 1 เดือน โดยไม่รอลงอาญา ก่อนคุมตัวไปคุมขังที่เรือนจำพิเศษกรุงเทพต่อไป รับทราบข้อกล่าวหาขับรถโดยประมาทน่าหวาดเสียว อันอาจจะเกิดอันตรายแก่บุคคลหรือทรัพย์สิน และขับรถโดยไม่คำนึงความปลอดภัย ตาม พ.ร.บ.จราจรทางบก ม.43 (4) (8) เบื้องต้นนายดุษฎี ให้การรับสารภาพตลอดข้อกล่าวหา