*ทันสถานการณ์โลกเวลา06.30น.*

07 พฤศจิกายน 2557, 06:54น.


+++ติดตามผลกระทบจากการผละงานประท้วงของสหภาพแรงงานการรถไฟจีดีแอล นาน 4วันจนถึงสัปดาห์หน้า ยาวที่สุดในประวัติศาสตร์เยอรมนี กระทบอย่างรุนแรงต่อรถไฟโดยสารและยังสร้างความเดือดร้อนสำหรับประชาชนประมาณ2ล้านคนที่จะเดินทางไปเข้าร่วมในพิธีรำลึกครบรอบ25ปีการพังกำแพงเบอร์ลินเมื่อปี2532ในกรุงเบอร์ลินด้วย ผู้ประกอบการรถไฟของเยอรมนีกำลังขอคำสั่งศาลให้สหภาพยุติการผละงานประท้วงแต่สหภาพปฏิเสธข้อเสนอของอนุญาตโตตุลาการของบริษัท นอกจากนี้ การแข่งขันฟุตบอลบุนเดสลีกาในช่วงสุดสัปดาห์นี้ก็ดูเหมือนจะได้รับผลกระทบด้วยจากการผละงานประท้วง100ชั่วโมงครั้งนี้



+++ส่วนแรงงานประมาณ 100,000 คน เดินขบวนในกรุงบรัสเซลส์ ของเบลเยียม ประท้วงการปฏิรูปตลาดเสรี และมาตรการตัดลดรายจ่ายเข้มงวดของรัฐบาล ด้วยการเพิ่มเกณฑ์อายุบำนาญจาก 65 เป็น 67 ปี ควบคุมการขึ้นค่าจ้าง และตัดลดรายจ่ายงานด้านบริการสาธารณะ ซึ่งจะเป็นการบ่อนทำลายชื่อเสียงความเป็นรัฐสวัสดิการของเบลเยี่ยม การออกมารวมพลังครั้งนี้ถือเป็นการเดินขบวนของกลุ่มคนงานครั้งใหญ่สุดในเบลเยี่ยม นับตั้งแต่สิ้นสุดสงครามโลกครั้งที่ 2 กลุ่มผู้ประท้วงเดินขบวนโดยสงบ ไปตามถนนสายหลักย่านใจกลางกรุงบรัสเซลส์ ก่อนที่จะมีการประท้วงใหญ่ทั่วประเทศ 15 ธ.ค.



+++ส่วนการสำรวจแนวโน้มเงินเดือนปี 2557/2558 จากการสำรวจกับบริษัทข้ามชาติ 340 แห่งใน 66 ประเทศ รายงานระบุว่า พนักงานในอาร์เจนตินาจะได้ขึ้นค่าจ้างในปีหน้าเฉลี่ยร้อยละ 28 สูงกว่าอัตราเฉลี่ยโลกที่จะขึ้นร้อยละ 5.8 สาเหตุไม่ใช่เพราะผลประกอบการเฟื่องฟู แต่เป็นเพราะอัตราเงินเฟ้อสูงกว่าร้อยละ 27 อันเป็นผลจากการลดค่าเงินอย่างหนักเมื่อเดือนมกราคมทำให้ธุรกิจพากันขึ้นราคาสินค้าและบริการจนเงินเฟ้อของประเทศเศรษฐกิจใหญ่อันดับสามของลาตินอเมริกาแห่งนี้พุ่งทะยาน ผลสำรวจ เปิดเผยว่า  พนักงานในลาตินอเมริกาจะได้ขึ้นค่าจ้างมากที่สุดเฉลี่ยร้อยละ 11.4 ตามด้วยเอเชียร้อยละ 7.2 ยุโรปตะวันออก ร้อยละ 5.1 อเมริกาเหนือ ร้อยละ 3 และยุโรปตะวันตกร้อยละ 2.5



+++บรรดาผู้นำฝ่ายค้านและสมาชิกกลุ่มสังคมพลเรือน ประชุมกันในบูร์กินาฟาโซ เพื่อกำหนดหลักเกณฑ์พื้นฐานสำหรับรัฐบาลถ่ายโอนอำนาจและสิ่งที่พวกเขาคาดการณ์จากผู้นำ หลังจากที่ นายแบลส์ ก็องปาออเร อดีตประธานาธิบดีที่บริหารประเทศยากจนในแอฟริกาตะวันตกแห่งนี้มายาวนาน27ปีลาออกจากตำแหน่งเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว ท่ามกลางกระแสคัดค้านความพยายามของเขาที่จะดิ้นรนอยู่ในตำแหน่งต่ออีกหนึ่งสมัยนายก็องปาออเร ไม่เคยวางตัวผู้ที่จะมาสืบทอดอำนาจและการลาออกของเขาก็ทำให้เกิดสุญญากาศทางอำนาจในประเทศซึ่งกองทัพเข้ามาควบคุมอย่างน้อยก็ชั่วคราว เจ้าหน้าที่ทูตระหว่างประเทศกำลังกดดันบูกิร์นา ฟาโซ ให้ถ่ายโอนอำนาจไปให้ผู้นำพลเรือน โดยเร็วจนกว่าจะมีการเลือกตั้งครั้งใหม่เกิดขึ้น



+++สหภาพแอฟริกา หรือเอยู ขู่คว่ำบาตรหากการถ่ายโอนอำนาจไม่เกิดขึ้นโดยเร็ว การเจรจากันเมื่อวานนี้ ล้มเหลวในการกำหนดตัวผู้นำแต่เจ้าหน้าที่ ทุกฝ่าย ต่างเห็นชอบว่าการถ่ายโอนอำนาจควรใช้เวลา 1 ปี และการเลือกตั้งควรถูกจัดขึ้นในเดือนพ.ย.2558



+++สำนักข่าวซีเอ็นเอ็น รายงานอ้างกลุ่มเฝ้าระวังสิทธิมนุษยชนซีเรียว่า เครื่องบินรบของสหรัฐฯและพันธมิตรที่ปราบปรามกลุ่มติดอาวุธรัฐอิสลาม(ไอเอส)ได้ทำการโจมตีที่มั่นกลุ่มอาห์ราร์ อัลชาม กลุ่มกบฏอีกกลุ่มหนึ่งของซีเรีย เป็นครั้งแรกเมื่อคืนนี้ สร้างความเสียหายให้กับสำนักงานใหญ่ของกลุ่มฯที่เมืองบับซากา จังหวัดอิดลิบ ใกล้ด่านบับ อัลฮาวา ที่ติดต่อกับประเทศตุรกี  กลุ่มอาห์ราร์ อัลชาม เป็นกลุ่มกบฏของมุสลิมสุหนี่ที่ไม่อยู่ในบัญชีรายชื่อองค์กรก่อการร้ายของสหรัฐฯ และที่ผ่านมาไม่เคยถูกโจมตีจากสหรัฐฯและพันธมิตรมาก่อน กลุ่มอาห์ราร์ อัลชาม ไม่เห็นดัวยกับอุดมการณ์ของกลุ่มไอเอสที่ต้องการประกาศจัดตั้งรัฐอิสลาม คร่อมชายแดนซีเรียและอิรัก



+++สำนักข่าวบีบีซี รายงานแถลงการณ์ขององค์การสนธิสัญญาป้องกันแอตแลนติกเหนือ(นาโต)ว่า นายเจนส์ สตอลเทนเบิร์ก เลขาธิการคนใหม่ของนาโตเดินทางถึงกรุงคาบูลของอัฟกานิสถาน ในการเยือนอัฟกานิสถานเป็นครั้งแรกนับตั้งแต่เข้ารับตำแหน่งเมื่อเดือนก่อน ระบุว่า นายสตอลเทนเบิร์กจะพบปะกับประธานาธิบดีอัชราฟ กานี และนายอับดุลลาห์ อับดุลลาห์ หัวหน้าคณะผู้บริหารของรัฐบาลอัฟกานิสถาน เพื่อหารือความร่วมมือระหว่างนาโตกับอัฟกานิสถาน ก่อนหน้านี้ นายสตอลเทนเบิร์ก อดีตนายกรัฐมนตรีนอร์เวย์ ไปเยี่ยมชมศูนย์ฝึกอบรมแห่งหนึ่งของกองกำลังรัฐบาลอัฟกานิสถาน และกล่าวสุนทรพจน์ต่อที่ประชุมกองทัพอัฟกานิสถาน ให้คำมั่นว่า นาโตจะให้การฝึกอบรมและคำปรึกษาแก่กองกำลังรัฐบาลอัฟกานิสถานโดยต่อเนื่อง หลังการถอนกำลังหน่วยจู่โจมออกจากอัฟกานิสถานภายในปลายปีนี้ ทหารราว 12,500 คน ส่วนใหญ่เป็นทหารอเมริกัน จะยังคงประจำการอยู่ในอัฟกานิสถานต่อไป เพื่อให้การฝึกอบรมแก่กองกำลังท้องถิ่น



+++เหตุโศกนาฏกรรมเครื่องบินของสายการบินมาเลเซีย แอร์ไลนส์ เที่ยวบิน MH17 ตกทางภาคตะวันออกของยูเครนเมื่อวันที่ 17 ก.ค. ทำให้ผู้โดยสารและลูกเรือ เสียชีวิตยกลำ 298 ศพ ในนั้นเป็นชาวดัตช์ถึง 193 คน  คณะสืบสวนเนเธอร์แลนด์ คาดหมายว่า จะสามารถเริ่มต้นกู้เศษซากบริเวณจุดตกของเที่ยวบิน MH17 ทางภาคตะวันออกของยูเครน ภายในอีกไม่กี่วันข้างหน้า  เนเธอร์แลนด์ เป็นผู้นำการสืบสวน



+++สำนักข่าวเอเอฟพี รายงานอ้างกระทรวงต่างประเทศรัสเซียว่า รัสเซียประณามยูเครนว่าละเมิดข้อตกลงหยุดยิงในพื้นที่ภาคตะวันออกของยูเครน กรณีเพิ่มการปราบปรามกลุ่มกบฏยูเครนอย่างรุนแรง แทนที่จะร่วมกันหาทางคลี่คลายสถานการณ์ กองกำลังรัฐบาลยูเครนกลับใช้อาวุธหนักโจมตีกลุ่มกบฏในพื้นที่ภาคตะวันออกเฉียงใต้ของประเทศ ทำให้มีผู้เสียชีวิตและบาดเจ็บแล้วกว่า 4,000 คนนับตั้งแต่เดือนมีนาคม อาคารบ้านเรือนเสียหายอีกจำนวนมาก



+++ด้านกองกำลังพิทักษ์ชายแดนยูเครน ประกาศว่า พลเรือนยูเครนจะได้รับอนุญาตให้เดินทางเข้าหรือออกจากพื้นที่ดังกล่าวต่อเมื่อแสดงหนังสือเดินทางต่อเจ้าหน้าที่แล้ว ส่วนชาวต่างชาติจะถูกส่งไปยังจุดตรวจคัดกรองเพื่อสอบถามถึงจุดประสงค์ของการเดินทาง และจะต้องแสดงหนังสือเดินทางหรือแสดงว่าได้รับการตรวจลงตราแล้ว ระเบียบนี้จะใช้กับพื้นที่ที่รัฐบาลระบุว่าอยู่ในเขตปฏิบัติการต่อต้านก่อการร้าย แต่ไม่ได้ชี้ชัดว่าเป็นพื้นที่ใดบ้าง ป้องกันไม่ให้กองกำลังรัสเซียที่เข้าออกพื้นที่เหล่านี้อย่างเสรีออกนอกเขตปฏิบัติการต่อต้านก่อการร้าย



+++ธนาคารกลางยุโรป(อีซีบี)ตรึงอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ไว้ที่ระดับต่ำสุดร้อยละ 0.05  ระหว่างการประชุมกำหนดนโยบาย ซึ่งก็ต้องรอดูมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจที่กำหนดจะเปิดเผยในช่วงฤดูร้อนว่าจะเป็นอย่างไรแต่ขณะนี้อีซีบีจะเริ่มขั้นตอนการผ่อนคลายในเชิงรุกมากขึ้นเช่นการผ่อนคลายเชิงปริมาณหรือคิวอีหรือการทุ่มเงินเข้าซื้อธนบัตรรัฐบาลจำนวนมาก



+++แบงก์ ออฟ อิงแลนด์ ธนาคารกลางอังกฤษ ตัดสินใจตรึงอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ไว้ที่ระดับเดิมต่อไปร้อยละ 0.5 แม้ว่าเศรษฐกิจจะฟื้นตัวอย่างแข็งแกร่งต่อเนื่อง เนื่องจากมองว่า การเพิ่มขึ้นของค่าจ้างและอัตราการเติบโตของเศรษฐกิจในประเทศ ธนาคารระบุว่า อาจเริ่มปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในปีหน้า แต่ดัชนีเศรษฐกิจบางตัวอ่อนแออยู่ในช่วงนี้ภาวะเงินเฟ้อยังนิ่งเงียบ ค่าจ้างยังไม่ปรับเพิ่มขึ้นและการเพิ่มขึ้นอย่างแข็งแกร่งในราคาที่อยู่อาศัยก็ลดลงอีกประการหนึ่งนักลงทุน จะรอดูตัวเลขการคาดการณ์ทางเศรษฐกิจครั้งใหม่ของธนาคารกลางอังกฤษที่จะประกาศในสัปดาห์หน้าเพื่อประกอบการพิจารณาว่าจะมีการปรับอัตราดอกขึ้นเมื่อไหร่



+++ตลาดหุ้นสหรัฐฯ ปิดตลาดในแดนบวก โดยดาวโจนส์และเอสแอนด์พี 500 ทุบสถิติสูงสุดตลอดกาลเป็นวันที่ 2 ติดต่อกัน นักลงทุนคาดข้อมูลภาคแรงงานอเมริกันจะออกมาสดใส ดาวโจนส์ เพิ่มขึ้น 69.94 จุด  ปิดที่ 17,554.47 จุด เอสแอนด์พี เพิ่มขึ้น 7.64 จุด  ปิดที่ 2,031.21 จุด แนสแดค เพิ่มขึ้น 17.75 จุด ปิดที่ 4,638.47 จุด



+++น้ำมันกลับมาลงอีกรอบ หลังโอเปกคาดอุปสงค์เชื้อเพลิงของกลุ่มจะลดลง สัญญาล่วงหน้าน้ำมันดิบชนิดไลต์สวีตครูดของสหรัฐฯ งวดส่งมอบเดือนธันวาคม ลดลง 77 เซนต์ ปิดที่ 77.91 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล ส่วนเบรนท์ทะเลเหนือลอนดอน งวดส่งมอบเดือนเดียวกัน ลดลง 9 เซนต์ ปิดที่ 82.86 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล



+++ราคาทองคำ ยังปรับลดอย่างต่อเนื่อง เหตุดอลลาร์แข็งค่าสุุดในรอบ 2 ปีเมื่อเทียบยูโร หลังนายมาริโอ ดรากี ประธานอีซีบี ส่งสัญญาณว่าธนาคารกลางยุโรปแห่งนี้ พร้อมใช้มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจเพิ่มเติม ถ้าจำเป็นต้องต่อสู้กับภาวะเงินฝืดและเศรษฐกิจจชะงักงันในยูโรโซน ทองคำตลาดโคเม็กซ์ ลดลง 3.10 ดอลลาร์ ปิดที่ 1,142.60 ดอลลาร์ต่อออนซ์ 



 



 



 



 



 



 

ข่าวทั้งหมด

X