ปธน.สหรัฐฯเดินทางไปเมืองที่เกิดเหตุกราดยิงในช่วงสุดสัปดาห์ ท่ามกลางการประท้วง

ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ผู้นำสหรัฐฯ เดินทางไปที่เมืองเอล ปาโซ ในรัฐเท็กซัส และเมืองเดย์ตัน ในรัฐโอไฮโอ ตามกำหนดการที่วางไว้แม้ว่าจะถูกนักการเมืองในพื้นที่และประชาชนทั้ง 2 เมืองคัดค้าน เพราะเห็นว่า เขาคือผู้สร้างความเกลียดชัง และสนับสนุนให้มือปืนก่อเหตุกราดยิงจนทำให้เกิดความสูญเสียขึ้น

โดยในเหตุกราดยิงที่ห้างสรรพสินค้าในเอลปาโซ มีผู้เสียชีวิต 22 คน ส่วนเหตุกราดยิงที่สถานบันเทิงในเดย์ตันมีผู้เสียชีวิต 9 คน ซึ่งในกรณีเหตุการณ์ที่เอลปาโซพบหลักฐานเป็นข้อความของคนร้ายที่โพสต์ผ่านสื่อสังคมออนไลน์ในลักษณะที่แสดงความเกลียดชังบุคคลที่มีเชื้อสายฮิสแปนิก

โดยก่อนที่จะออกเดินทางจากกรุงวอชิงตัน เขากล่าวว่า มีความเป็นกังวลที่มีผู้แสดงความเกลียดชังเพิ่มมากขึ้น ทั้งกลุ่มชาตินิยมผิวขาว และกลุ่มที่มีแนวคิดรุนแรงอื่น ๆ อย่างไรก็ตาม เมื่อเดินทางมาถึงเท็กซัส ซึ่งมีนายเกร็ก แอบบ็อต ผู้ว่าการรัฐ และนายดี มาร์โก นายกเทศมนตรีเมืองเอลปาโซรอต้อนรับที่สนามบิน และร่วมเดินทางไปเยี่ยมผู้บาดเจ็บที่โรงพยาบาล ท่ามกลางการประท้วงคัดค้านการเดินทางของประธานาธิบดี ซึ่งนางเวโรนิกา เอสโคบาร์ สมาชิกสภาคองเกรสจากพรรคเดโมแครต ที่ร่วมอยู่ในกลุ่มผู้ประท้วงระบุว่า คำพูดและการกระทำที่เหยียดผิวและแสดงความเกลียดชัง ทำให้เกิดความเจ็บปวดต่อชุมชนและประเทศของเธอ

ส่วนที่โอไฮโอ ประธานาธิบดีพบกับนางแนน เวย์ลีย์ นายกเทศมนตรีเมืองเดย์ตันที่สนามบิน จากนั้นก็ไปเยี่ยมผู้บาดเจ็บที่พักรักษาอาการอยู่ที่โรงพยาบาล ท่ามกลางการชุมนุมเรียกร้องให้ประธานาธิบดีแก้ไขปัญหาความรุนแรงที่เกิดขึ้น ทั้งระบุว่า ประธานาธิบดีคือผู้สร้างความแตกแยก แต่ขณะเดียวกันก็ยังมีกลุ่มผู้สนับสนุนประธานาธิบดีออกมาร่วมการชุมนุมด้วย ซึ่งพวกเขาสนับสนุนคำกล่าวของประธานาธิบดีที่ว่า ผู้ก่อเหตุคือผู้ป่วยทางจิต ดังนั้นประเด็นปัญหาจึงไม่เกี่ยวข้องกับอาวุธปืน 

...