ซีเอ็นเอ็น รายงานว่า นายราจิฟ บิสวัส หัวหน้านักเศรษฐศาสตร์ประจำเอเชียแปซิฟิกของบริษัทไอเอชเอส มาร์กิต, นายเกรก อัลเลน ประธานสภาธุรกิจสหรัฐฯ-จีน และ นายวิพิน นาแรง ผู้เชี่ยวชาญด้านความมั่นคงนิวเคลียร์จากสถาบันเอ็มไอที MIT ตั้งข้อสังเกตว่าเมื่อปลายเดือนมิถุนายน ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ของสหรัฐฯ ทำข้อตกลงกับเกาหลีเหนือและประเทศจีน เพื่อให้มีการรื้อฟื้นการเจรจานิวเคลียร์กับเกาหลีเหนือ และฟื้นการเจรจาการค้ากับประเทศจีน
แต่อีกหนึ่งเดือนต่อมา ดูเหมือนว่านโยบายเอเชียของประธานาธิบดีทรัมป์ จะล้มเหลว ก่อนหน้านี้ นายทรัมป์เป็นประธานาธิบดีคนแรกของสหรัฐฯที่พบกับนายคิม จองอึน ผู้นำเกาหลีเหนือและมีโอกาสข้ามชายแดนเกาหลีใต้เข้าไปยืนอยู่ในอาณาเขตเกาหลีเหนือเมื่อวันที่ 30 มิถุนายน แต่ในช่วง 8 วันที่ผ่านมา เกาหลีเหนือทดลองขีปนาวุธพิสัยใกล้ 3 ครั้งแล้ว นักวิเคราะห์มองว่านโยบายของผู้นำสหรัฐฯในเรื่องเกาหลีเหนือล้มเหลว นอกจากนั้นผู้นำสหรัฐฯแสดงความเห็นในทำนองว่าเป็นการทดลองขีปนาวุธขนาดเล็กๆ ขณะที่เกาหลีเหนือพูดชัดเจนว่าจะไม่หยุดการพัฒนาขีปนาวุธ
กรณีจีน นายทรัมป์ และประธานาธิบดีสี จิ้นผิง ของประเทศจีน พบกันในช่วงที่ไปร่วมประชุมสุดยอดผู้นำกลุ่มจี-20 ในนครโอซากา ญี่ปุ่น เมื่อปลายเดือนที่แล้ว ซึ่งผู้นำทั้งสองเห็นพ้องให้มีการฟื้นการเจรจาเพื่อคลี่คลายปัญหาการค้าหลังหยุดชะงักมาตั้งแต่เดือนพฤษภาคม แต่เมื่อวานนี้ นายทรัมป์ประกาศว่าสหรัฐฯจะบังคับใช้มาตรการขึ้นภาษีนำเข้าสินค้าจากประเทศจีนอีกร้อยละ 10 รวมมูลค่า 300,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ มีผลตั้งแต่วันที่ 1 กันยายนนี้ แม้ว่าคณะผู้แทนการเจรจาทั้งสองฝ่ายตกลงจะประชุมกันอีกครั้งในเดือนกันยายน แต่นักวิเคราะห์มองว่ามาตรการเช่นนี้ของนายทรัมป์จะเกิดผลเสียคือจะทำให้ทั้งสองฝ่ายต่างยืนหยัดในจุดยืนของตนเองมากขึ้น
ทีมต่างประเทศ
CR:CNN