ความเคลื่อนไหวหุ้นดาวโจนส์ ลดลง 98.41 จุด ปิดที่ 26,485.01 จุด เอสแอนด์พี ลดลง 21.51 จุด ปิดที่ 2,932.05 จุด แนสแดค ลดลง 107.05 จุด ปิดที่ 8,004.07 จุด หลังจากมีแรงเทขายอย่างต่อเนื่องในวันสุดท้ายของสัปดาห์ ตั้งแต่ธนาคารกลางสหรัฐฯ(เฟด) ปรับลดอัตราดอกเบี้ยเป็นครั้งแรกนับตั้งแต่ปี 2008 และกังวลว่าสงครามการค้าระหว่างสหรัฐฯกับจีน จะบานปลายมากขึ้น หลังจากประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ของสหรัฐฯ แถลงแผนเรียกเก็บภาษีสินค้านำเข้าจากจีนเพิ่มเติมอีก 300,000 ดอลลาร์สหรัฐฯ นับตั้งแต่วันที่ 1 กันยายนเป็นต้นไป ข้อมูลของกระทรวงแรงงานสหรัฐฯ เมื่อวันศุกร์ พบว่าตัวเลขการจ้างงานนอกภาคการเกษตรเมื่อเดือนที่แล้ว เพิ่มขึ้น 164,000 อัตรา เป็นไปตามที่คาดหมายไว้และแสดงให้เห็นว่าเศรษฐกิจภายในของสหรัฐฯ ยังดี แต่นักลงทุนยังกังวลภาวะเศรษฐกิจโลกที่อ่อนแอและข้อพิพาททางการค้า
แผนขึ้นภาษีสินค้านำเข้าจากจีนรอบใหม่ของนายทรัมป์ ทำให้ราคาทองคำ เมื่อวันศุกร์ พุ่งแรงแตะระดับสูงสุดในรอบ 6 ปี นักลงทุนถือครองสินทรัพย์เสี่ยงต่ำ ท่ามกลางความกังวลสถานการณ์ความตึงเครียดระหว่างสหรัฐฯกับจีน 2 ชาติเศรษฐกิจยักษ์ใหญ่ของโลก ราคาทองคำโคเม็กซ์ เพิ่มขึ้น 25.10 ดอลลาร์ ปิดที่ 1,457.50 ดอลลาร์ต่อออนซ์
ขณะที่ ราคาน้ำมันฟื้นตัวเพิ่มขึ้น สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เทกซัส อินเตอร์มีเดียต หรือไลต์สวีตครูด งวดส่งมอบเดือนกันยายน เพิ่มขึ้น 1.71 ดอลลาร์สหรัฐฯ ปิดที่ 55.66 ดอลลาร์สหรัฐฯต่อบาร์เรล ส่วนเบรนต์ลอนดอน งวดส่งมอบเดือนตุลาคม เพิ่มขึ้น 1.39 ดอลลาร์สหรัฐฯ ปิดที่ 61.89 ดอลลาร์สหรัฐฯต่อบาร์เรล ตลาดน้ำมันได้แรงหนุนจากข้อมูลของ เบเกอร์ ฮิวจ์ส ผู้ให้บริการทางพลังงานรายใหญ่ ระบุว่าแท่นขุดเจาะน้ำมันในสหรัฐฯ เดินเครื่องลดลง 6 แท่น เหลือ 770 แท่นในสัปดาห์นี้ เป็นการลดลง 5 สัปดาห์ติดต่อกัน ชี้ให้เห็นแนวโน้มกำลังการผลิตที่ลดลงในสหรัฐฯ
แฟ้มภาพ