นายทองเปลว กองจันทร์ อธิบดีกรมชลประทาน สนับสนุนเครื่องสูบน้ำ 18 เครื่อง เร่งสูบน้ำเข้าสู่ป่าพรุควนเคร็ง เพื่อป้องกันไม่ให้ไฟขยายวงกว้าง โดยติดตั้งเครื่องสูบน้ำเข้าพื้นที่ตำบลเคร็ง ตำบลชะอวด ตำบลบ้านตูล อำเภอชะอวด ตำบลควนชะลิก อำเภอหัวไทร และตำบลแม่เจ้าอยู่หัว อำเภอเชียรใหญ่ นอกจากนี้ ยังได้นำเครื่องจักรกล รถขุด 4 คัน ขุดลอกวัชพืชที่กีดขวางทางน้ำ เพื่อเปิดทางให้น้ำไหลเข้าสู่พื้นที่ป่าพรุสะดวกมากยิ่งขึ้น ซึ่งจะช่วยบรรเทาความเดือดร้อนของชาวบ้าน เนื่องจากไฟลุกลามเข้ามาถึงอำเภอเชียรใหญ่ ทำให้การสัญจรตามถนนหนทางไม่สะดวก เนื่องจากมีกลุ่มควันจำนวนมากเข้าปกคลุมพื้นที่ นายทองเปลว กล่าวว่า รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กำชับให้กรมชลประทานร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องใช้มาตรการต่าง ๆ เพื่อป้องกันและควบคุมไฟป่า ขณะนี้ร่วมกันจัดทำแนวกันไฟพื้นที่โดยรอบ จึงขอให้ประชาชนอย่าตื่นตระหนกและขอให้มั่นใจในการทำงานของเจ้าหน้าที่รัฐ รวมทั้งให้ความร่วมมือในการป้องกันและดับไฟให้สำเร็จเร็วที่สุด ป่าพรุควนเคร็งเป็นป่าพรุที่มีขนาดใหญ่เป็นอันดับ 2 ของประเทศ รองจากป่าพรุสิรินธร หรือป่าพรุโต๊ะแดง ในจังหวัดนราธิวาส มีพื้นที่ประมาณ 223,320 ไร่ อยู่ในเขตป่าสงวนแห่งชาติประมาณ 165,825 ไร่ และเป็นป่าถาวรตามมติคณะรัฐมนตรี(ครม.) ประมาณ 57,495 ไร่ สำหรับสาเหตุของการเกิดไฟไหม้ป่าพรุครั้งนี้ คาดว่าเกิดจากการที่ชาวบ้านเข้าไปจุดไฟในพื้นที่ของตัวเอง และไม่สามารถควบคุมไฟได้ ทำให้ไฟลุกลามเข้าไปในพื้นที่เขตป่าพรุดังกล่าว โดยมีจุดที่ลุกลามหนัก 2 จุด ได้แก่ พื้นที่หมู่ 4 ตำบลการะเกด อำเภอเชียรใหญ่ และพื้นที่หมู่ 12 ตำบลสวนหลวง อำเภอเฉลิมพระเกียรติ จังหวัดนครศรีธรรมราช
รอยเตอร์ รายงานว่า นายหวัง อี้ รัฐมนตรีต่างประเทศจีน พบกับนายไมค์ พอมเพโอ รัฐมนตรีต่างประเทศสหรัฐฯ ในกรุงเทพฯ ในวันนี้ เปิดเผยว่าเป็นเรื่องที่มีความสำคัญที่คณะผู้แทนจากประเทศจีนและสหรัฐฯจะพบกันแบบเจอหน้ากันในลักษณะนี้และหาทางประสานความร่วมมือกันไม่ว่าจะมีปัญหาต่างๆเกิดขึ้นมากมาย นายหวัง กล่าวถึง เรื่องการเจรจาการค้าระหว่างสหรัฐฯ กับ จีน ว่า คณะผู้เจรจาการค้าสองประเทศ ประชุมที่เซี่ยงไฮ้ ประเทศจีน เมื่อวานนี้ แต่ทั้งสองฝ่ายตกลงจะประชุมกันครั้งต่อไปในเดือนกันยายน ซึ่งอาจจะมีผลช่วยคลี่คลายความตึงเครียดต่อไปอีกระยะหนึ่งหลังเกิดสงครามการค้าระหว่างประเทศทั้งสองตั้งแต่ปีที่แล้ว นายหวังและนายพอมเพโอ ได้พูดคุยเรื่องแนวทางต่างๆที่จะช่วยส่งเสริมความสัมพันธ์ระหว่างประเทศทั้งสองให้ดำเนินไปอย่างราบรื่น รัฐบาลจีน ยินดีที่สหรัฐฯประสงค์จะฟื้นการเจรจากับเกาหลีเหนือในเรื่องการปลดอาวุธนิวเคลียร์บนคาบสมุทรเกาหลี ด้านนายพอมเพโอ ก็พูดชัดเจนว่าสหรัฐฯไม่ต้องการจะทำให้การพัฒนาด้านต่างๆของประเทศจีนล่าช้า พร้อมทั้งย้ำว่า สหรัฐฯให้ความสำคัญเรื่องนโยบายจีนเดียวที่เกี่ยวกับไต้หวัน
นายเดชาภิวัฒน์ ณ สงขลา ผู้อำนวยการสำนักงบประมาณ เปิดเผยว่า นายกรัฐมนตรีเป็นประธานการประชุมกรอบวงเงินงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ 2563 เป็นการหารือระหว่าง 4 หน่วยงาน ประกอบด้วย กระทรวงการคลัง ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.) และสำนักงบประมาณ ที่ประชุมเห็นชอบปรับกรอบวงเงินงบประมาณรายจ่ายประจำปี 2563 จากเดิมรายจ่าย 3.2 ล้านล้านบาท ประมาณการณ์รายได้เดิม 2.75 ล้านล้านบาท ลดลง 19,000 ล้านบาท เหลือ 2.731 ล้านล้านบาท ทำให้ยอดขาดทุนงบประมาณเพิ่มจาก 450,000 ล้านบาท เป็น 469,000 ล้านบาท ภายใต้สมมติฐานจีดีพีขยายตัวร้อยละ 6 ในปี 2563 รายได้ของรัฐบาลหายไปเนื่องจากรายได้สำนักงานคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กสทช.) ลดลงจากการชดเชยคืนช่องทีวีดิจิทัลหลายราย ครม.เตรียมพิจารณากรอบงบประมาณรายจ่ายประจำปี 2563 ในวันอังคารที่ 6 สิงหาคมนี้ ในช่วงรอการพิจารณางบประมาณจากสภา ช่วง 3 เดือนสุดท้ายปลายปี อาจต้องเสนอรัฐบาลออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ เพื่อช่วยเหลือหลายส่วน
การลงทุนในตลาดหุ้นไทย ปิดที่ 1,699.75 จุด ลดลง 12.22 จุด มูลค่าการซื้อขาย 54,654.98 ล้านบาท ภาพรวมการซื้อขายนักลงทุนส่วนใหญ่ยังคงเทขายออกมาตลอดทั้งวัน เนื่องจาก ตลาดหุ้นเอเชียปรับตัวลดลงทำระดับต่ำสุดในรอบ 6 สัปดาห์ ขณะที่ ค่าเงินดอลลาร์สหรัฐฯ ปรับแข็งค่าขึ้นทำระดับสูงสุดในรอบ 2 ปี เนื่องจาก ธนาคารกลางสหรัฐฯ(เฟด) ตัดสินใจปรับลดดอกเบี้ยลงร้อยละ 0.25 มาที่ร้อยละ 2.00-2.25 การตัดสินใจลดดอกเบี้ยลง เป็นเรื่องที่สำคัญ เพราะเป็นการเปลี่ยนทิศทางดอกเบี้ยของโลก เนื่องจากก่อนหน้านี้เฟดส่งสัญญาณขึ้นดอกเบี้ยอย่างต่อเนื่องเพื่อดูแลปัญหาเงินเฟ้อ ขณะที่ค่าเงินบาทไทย ก็อาจจะแข็งค่าขึ้นอีก
การลงทุนในตลาดหุ้นต่างประเทศ ดัชนีนิกเกอิ ตลาดหุ้นโตเกียว ญี่ปุ่น ปิดบวก 19.46 จุด ปิดที่ 21,540.99 จุด ดัชนีฮั่งเส็ง ตลาดหุ้นฮ่องกง ร่วงลง 212.05 จุด ปิดที่ 27,565.70 จุด เนื่องจากความกังวลเกี่ยวกับแนวโน้มเศรษฐกิจของฮ่องกง หลังจากทางการฮ่องกง เปิดเผยว่า ผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GDP) ไตรมาส 2 หดตัวลงร้อยละ 0.3 เมื่อเทียบเป็นรายไตรมาส เนื่องจากผลกระทบของเหตุการณ์ประท้วงและข้อพิพาททางการค้าระหว่างสหรัฐฯกับจีน ดัชนีฮั่งเส็ง ร่วงลง 212.05 จุด ปิดที่ 27,565.70 จุด
ภาพจากFB กรมชลประทาน