สหราชอาณาจักรจะออกจากกลุ่มอียูโดยมีข้อตกลงหรือไม่ ขึ้นอยู่กับอียู

ความคืบหน้าของการที่สหราชอาณาจักร จะออกจากการเป็นสมาชิกของสหภาพยุโรปหรืออียู ในวันที่ 31 ตุลาคมนี้ และมีความกังวลมากขึ้นว่า จะเป็นการออกจากกลุ่มไปโดยที่ไม่มีข้อตกลง นายกรัฐมนตรีบอริส จอห์นสัน แห่งสหราชอาณาจักร เดินทางเยือนแคว้นเวลส์เป็นครั้งแรกนับตั้งแต่รับตำแหน่งเพื่อขอเสียงสนับสนุนจากกลุ่มเกษตรกร และพบหารือกับนายมาร์ด เดรคฟฟอร์ด นายกรัฐมนตรีเวลส์ หลังจากที่โทรศัพท์พูดคุยกับนายกรัฐมนตรีลีโอ วาราดคาร์ แห่งไอริช ที่ยังมีปัญหาเกี่ยวกับการเดินทางข้ามแดนที่ติดต่อกับไอร์แลนด์เหนือ และเดินทางไปพบหารือกับนางนิโคลา สเตอร์เจียน นายกรัฐมนตรีสกอตแลนด์ ซึ่งสนับสนุนการแยกเขตปกครองสกอตแลนด์เป็นประเทศเอกราช และยังคงเป็นสมาชิกของสหภาพยุโรป หรืออียูต่อไป

นายกรัฐมนตรีจอห์นสัน กล่าวว่า การที่สหราชอาณาจักรจะออกจากการเป็นสมาชิกของอียู โดยที่มีข้อตกลงหรือไม่มีข้อตกลงขึ้นอยู่กับอียู ไม่ได้ขึ้นอยู่กับสหราชอาณาจักร และกล่าวกับนายกรัฐมนตรีของเวลส์ว่า กระแสคัดค้านนโยบายของเขาในเรื่องเบร็กซิตเกิดจากการที่ไม่ได้รับข้อมูลที่แท้จริง โดยในขณะนี้มีการเคลื่อนไหวของกลุ่มเกษตรกรในแคว้นเวลส์ที่ไม่เห็นด้วยกับการออกจากกลุ่มไปโดยไม่มีข้อตกลง เพราะทำให้อุตสาหกรรมต่าง ๆ ตกอยู่ในความเสี่ยง ซึ่งนายกรัฐมนตรีจอห์นสันอธิบายว่าเขาไม่ได้ต้องการนำสหราชอาณาจักรออกจากกลุ่มไปโดยไม่มีข้อตกลง แต่เป็นเพราะข้อตกลงที่อดีตนายกรัฐมนตรีเทเรซา เมย์ทำไว้กับอียูก่อนหน้านี้ไม่ผ่านความเห็นชอบจากสภา จนทำให้กระบวนการเบร็กซิตไม่มีความคืบหน้า ดังนั้นเขาจึงต้องการเจรจาใหม่ แต่หากอียูปฏิเสธที่จะเจรจา สหราชอาณาจักรก็ต้องออกจากกลุ่มไปโดยที่ไม่มีข้อตกลงในวันที่ 31 ตุลาคมนี้ อย่างไรก็ตามยืนยันว่า รัฐบาลย่อมต้องมีมาตรการให้ความคุ้มครองและช่วยเหลือภาคการเกษตรและอุตสาหกรรมที่ได้รับผลกระทบจากเบร็กซิต

** ความเป็นไปได้ที่จะเป็นเบร็กซิตแบบไม่มีข้อตกลงที่เพิ่มสูงขึ้น เมื่อนายกรัฐมนตรีมอบหมายเจ้าหน้าที่เตรียมพร้อมสำหรับสถานการณ์ที่ไม่มีข้อตกลง และในสัปดาห์หน้านายซาจิด จาวิด รัฐมนตรีคลัง จะประกาศแผนงบประมาณที่จะนำมาใช้เมื่อไม่มีข้อตกลง รวมถึงการว่าจ้างเจ้าหน้าที่ชายแดนเพิ่มเติม

** ส่งผลการเมืองในสหราชอาณาจักรเข้มข้น เพราะพรรคอนุรักษ์นิยมที่ไม่ได้เป็นพรรคเสียงข้างมากในสภากำลังมีความแตกแยกภายใน แถมสมาชิกยังขู่ว่าจะยื่นญัตติไม่ไว้วางใจรัฐบาลในเดือนกันยายน ขณะที่พรรคแรงงานก็กำชับว่าจะทำทุกอย่างเพื่อคัดค้านการออกจากกลุ่มไปโดยไม่มีข้อตกลง

**องค์กรอิสระด้านงบประมาณภาครัฐของสหราชอาณาจักร เตือนว่า หนี้สาธารณะอาจเพิ่มเป็น 2 เท่าในปีหน้าถ้าออกจากกลุ่มโดยไม่มีข้อตกลง และมีความวุ่นวายเกิดขึ้นที่ชายแดน เมื่อวันจันทร์ ค่าเงินปอนด์อ่อนค่าหนัก และหากนับตั้งแต่เดือนพฤษภาคม เงินปอนด์อ่อนค่าลงไปแล้วร้อยละ 7 เมื่อเทียบกับค่าเงินดอลลาร์สหรัฐฯ นักวิเคราะห์การลงทุน คาดว่า ด้วยประเด็นเรื่องเบร็กซิตและการจัดเลือกตั้งใหม่ อาจกดดันให้ค่าเงินปอนด์อยู่ต่ำกว่าระดับ 1.20 ดอลลาร์ ไปอีกหลายเดือน

ขณะเดียวกัน ธนาคารกลางของสหราชอาณาจักร ประกาศคงอัตราดอกเบี้ยไว้ที่ระดับเดิม รวมทั้งอาจมีการใช้นโยบายเศรษฐกิจแบบรัดกุมเพื่อควบคุมความเสี่ยงทางเศรษฐกิจที่อาจเกิดขึ้นหลังการออกจากอียู

...