+++นายรอยล จิตรดอน ผู้อำนวยการสารสนเทศน้ำและการเกษตร (องค์การมหาชน) หรือ สสนก. กระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี (วท.) เปิดเผยถึงการจัดทำแผนบริหารจัดการน้ำระดับชาติ ว่า ในการดำเนินการได้กำหนดให้แต่ละหน่วยงานเป็นผู้รับผิดชอบในแต่ละเนื้อหา แบ่งออกเป็น 5 ส่วน คือ 1.กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ดู เรื่องการจัดการน้ำในพื้นที่ภาคเหนือ 2.กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ดูการจัดการน้ำในพื้นที่ภาคใต้ และภาคตะวันออกเฉียงเหนือ 3.วท.โดย สสนก.ดูเรื่องเทคโนโลยีสารสนเทศ และระบบสนับสนุนการพัฒนาการจัดการน้ำทั้งหมด 4.สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจ และสังคมแห่งชาติ ดูเรื่องกฎหมาย และ 5.กรมประชาสัมพันธ์ ดูงานประชาสัมพันธ์ ขณะนี้แต่ละหน่วยงานน่าจะ ทำเสร็จกันเรียบร้อยแล้ว นายรอยล กล่าวว่า อย่างไรก็ตาม ยังไม่ถือเป็นแผนที่สมบูรณ์ จนกว่าจะนำทั้ง 5 ส่วน มาบูรณาการร่วมกัน กลายเป็นแผนแม่บทน้ำระดับชาติ ซึ่งพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี สั่งการว่า ทั้ง 5 ส่วนจะต้องนำมารวมกัน และสรุปให้ได้ออกมาเป็นแผนที่สมบูรณ์ภายในสัปดาห์นี้ ทิศทางการจัดการน้ำจะเป็นอย่างไร ภายหลังศาลปกครองสูงสุดยกฟ้องกรณีโครงการบริหารจัดการน้ำ 3.5 แสนล้านบาท นายรอยล กล่าวว่า แผนการจัดการน้ำ 3.5 แสนล้านบาท เป็นแค่โครงการหนึ่งเท่านั้น ต่อไปจะเป็นอย่างไร ขึ้นกับนโยบายของรัฐบาล
+++พ.ต.ท.พงศ์อินทร์ อินทรขาว ผบ.สำนักคดีความมั่นคง กรมสอบสวนคดีพิเศษ(ดีเอสไอ) เปิดเผยว่า สัปดาห์นี้ดีเอสไอร่วมกับหน่วยงานภายใต้ศูนย์อำนวยการต่อต้านการทุจริตแห่งชาติ จะลงพื้นที่ป้องปรามทุจริตในโครงการช่วยเหลือเกษตรกรที่มีรายได้น้อย หรือการจ่ายเงินช่วยเหลือชาวนาไร่ละ 1,000 บาท รายละไม่เกิน 15 ไร่ ซึ่งดีเอสไอรับผิดชอบตรวจสอบชาวนาภาคตะวันออกเฉียงเหนือ โดยแบ่งเป็น 2 ช่วงคือ ก่อนวันที่ 15 พฤศจิกายน และหลังวันที่ 15 พฤศจิกายน ซึ่งเป็นวันสุดท้ายของการลงทะเบียนชาวนา ศูนย์อำนวยการต่อต้านการทุจริตแห่งชาติมอบหมายให้ติดตามการจ่ายเงินอย่างใกล้ชิด ไม่ให้มีการเอารัดเอาเปรียบชาวนา โดยเฉพาะรายที่เช่าที่นาจากเจ้าของ ห้ามไม่ให้เจ้าของที่ดินขอส่วนแบ่งจากชาวนาโดยเด็ดขาด ชาวนารายใดถูกข่มขู่หรือเรียกรับส่วนแบ่ง สามารถร้องเรียนเจ้าหน้าที่ที่ลงพื้นที่เพื่อตรวจสอบได้ทันที โดยวันนี้ ลงพื้นที่ที่ อ.พระนครศรีอยุธยา อ.เมืองยาง จ.นครราชสีมา อ.เมืองลำพูน และ อ.บ้านโฮ่ง จ.ลำพูน วันที่ 7 พฤศจิกายน ที่ อ.สีคิ้ว จ.นครราชสีมา, วันที่ 12 พฤศจิกายน ที่ อ.ตาลสุม จ.อุบลราชธานี และ อ.เมืองบุรีรัมย์ และวันที่ 13 พฤศจิกายน ที่ อ.ทุ่งศรีอุดม จ.อุบลราชธานี และ อ.ละหาน จ.บุรีรัมย์
+++ด้านนายประยงค์ ปรียาจิตต์ เลขาธิการคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตในภาครัฐ (ป.ป.ท.) พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่ของ DSI ,สตง. ,ปปง. และ บก.ปปป. เดินไปยัง ที่ว่าการอำเภอบางปะอิน เพื่อประชุมแนวทางการป้องกันการทุจริตในการสวมรอยในโครงการช่วยเหลือชาวนาที่ทำการปลูกข้าว
+++ความเคลื่อนไหวทางเศรษฐกิจ ราคาทองคำตลาดโลก ยังคงลดลงอย่างต่อเนื่อง ส่งผลให้ราคาซื้อขายภายในประเทศลดลงตามไปด้วย เมื่อวานนี้ ราคาลดลงระหว่างวัน 4 รอบ รวมลดลงบาทละ 200 บาท โดยเมื่อเวลา 18.00 น. ราคาทองคำแท่งอยู่ที่บาทละ 17,900 บาท ขณะที่ทองรูปพรรณอยู่ที่บาทละ 18,300 บาท นักลงทุนเริ่มแห่ซื้อเก็บเพื่อเก็งกำไร หลังจากที่ราคาทองคำได้รับแรงกดดันจากนโยบายผ่อนคลายทางการเงินของธนาคารกลางประเทศญี่ปุ่น ประกอบกับตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐเริ่มดีขึ้น ส่งผลให้ค่าเงินดอลลาร์แข็งค่า ทำให้ราคาทองคำปรับลงต่ำกว่าแนวรับที่ 1,160 ดอลลาร์สหรัฐต่อออนซ์ และลดลงอย่างต่อเนื่อง อย่างไรก็ตาม ขอแนะนำนักลงทุนที่ซื้อทองในราคาสูงกว่าบาทละ 2 หมื่นบาทไปก่อนหน้านี้ ให้ถือต่อไปได้ เพราะในช่วงอีก 2-3 ปี ราคาทองคำอาจฟื้นตัว เพราะ ทองยังเป็นสินทรัพย์ที่ใช้กระจายความเสี่ยงได้ดี ในช่วงที่ราคาทองคำในประเทศเริ่มลดลงมาก อาจทำให้ร้านทองบางแห่งมีทองคำแท่งไม่เพียงพอ และทราบว่าเริ่มซื้อขายทองด้วยใบจองแล้ว
+++ศูนย์พยากรณ์เศรษฐกิจและธุรกิจ มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย แถลงเรื่อง ผลสำรวจดัชนีความเชื่อมั่นของผู้บริโภค"ประจำเดือน พ.ย. ซึ่งต้องติดตามดูว่าตัวเลขจากการสำรวจที่ออกมาจะดีขึ้นหรือแย่ลง
+++องค์การเพื่อความร่วมมือทางเศรษฐกิจและการพัฒนา (โออีซีดี)เปิดเผย รายงานภาวะเศรษฐกิจว่าโลกกำลังเผชิญปัญหาเงินเฟ้อปรับลดลงต่อเนื่อง โดยเดือน ก.ย.ประเทศสมาชิกโออีซีดี 34 ประเทศมีอัตราเงินเฟ้อร้อยละ 1.7 ลดลงจากร้อยละ1.8 ในเดือน ส.ค. โออีซีดีระบุว่า เงินเฟ้อที่ปรับตัวลดลงสะท้อนผลการดำเนินงานที่น่าผิดหวังของเศรษฐกิจโลกในปีนี้และแนะให้ธนาคารกลางแต่ละประเทศกระชับนโยบายในช่วง 2-3 เดือนหน้า เพื่อสู้กับปัญหาภาวะเงินฝืดคุกคาม
+++ นายเมธี สุภาพงษ์ เลขานุการคณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) กล่าวว่า ผลประชุม กนง. มีมติไม่เอกฉันท์ 6 ต่อ 1 ให้คงอัตราดอกเบี้ยนโยบายไว้ที่ร้อยละ 2 โดยกรรมการ 1 ท่าน เห็นว่าควรลดดอกเบี้ยลงร้อยละ0.25 เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจ นายเมธี กล่าวว่า ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) มีแนวโน้มทบทวนประมาณการเศรษฐกิจไทยในปี 2557 และ 2558 ในเดือน ธ.ค.นี้ จากเดิมที่คาดว่าปีนี้จะเติบโตร้อยละ 1.5 และปีหน้าร้อยละ 4.8 หลังจากทุกภาคเศรษฐกิจยังคงอ่อนแอ นอกจากนี้ อาจจะปรับลดคาดการณ์การส่งออกลงจากที่เคยตั้งไว้ร้อยละ0 เช่นเดียวกับการใช้จ่ายภาครัฐที่เบิกจ่ายต่ำกว่าที่คาด หากเร่งการลงทุนภาครัฐได้ตามแผนตั้งแต่ไตรมาส 4 จะช่วยให้เศรษฐกิจเดินหน้าต่อไป หากเอกชนมีความเชื่อมั่นมากขึ้น การลงทุนจะตามมา
+++พ.ต.ท.สุศรันย์ ศรีบุญเจริญชัย พนักงานสอบสวนผู้ชำนาญการ สภ.บางเสาธง จ.สมุทรปราการ ได้ยื่นคำร้องขอฝากขังครั้งที่ 2 นายสมชาย แก้วบางยาง และนางพรชนก ไชยะปะ สองสามีภรรยา ผู้ต้องหาฆ่าหั่นศพนายโยชิโนริ ชิมาโตะ อายุ 79 ปี ครูสอนภาษาชาวญี่ปุ่นจนถึงแก่ความตาย โดยระบุว่าสอบสวนมายังไม่แล้วเสร็จ ต้องสอบปากคำพยานเพิ่มเติมอีก 5 ปาก รอผลการตรวจคราบโลหิต เส้นขน เส้นผมของผู้ต้องหา รวมทั้งรอผลการตรวจสอบประวัติการต้องโทษและอื่นๆ จึงขอฝากขังผู้ต้องหาทั้งสองไว้ 12 วัน ตั้งแต่วันที่ 6-17 พ.ย.นี้ ซึ่งศาลพิจารณาคำร้องแล้วอนุญาตให้ฝากขังได้ ทั้งนี้ การฝากขังครั้งที่ 2 ศาลได้อ่านคำร้องฝากขังผ่านระบบจอภาพ (วิดีโอคอนเฟอเรนซ์) ไปยังเรือนจำที่ควบคุมตัวผู้ต้องหาทั้งสอง โดยไม่ได้เบิกตัวผู้ต้องหามายังศาลอาญา
+++เช้านี้เจ้าหน้าที่ จะเข้าไปตรวจสอบบ้านที่เกิดเหตุระเบิด โรงเก็บสารโปแตสเซียมคลอเรต ซึ่งเป็นสารราดลำไย ท้องที่บ้านไร่ หมู่ 2 ต.ดอยเต่า อ.ดอยเต่า จ.เชียงใหม่ ระเบิด ทำให้นางพยอม นันทสาร และ นางสายใจ มาใจ น้องสะใภ้ มีผู้บาดเจ็บจำนวนหนึ่ง มีรายงานว่า 6 คนกลับบ้าน อีกคน ยังต้องพักรักษาตัวอยู่ภายในโรงพยาบาล รวมทั้งบ้านใกล้เคียงเสียหายอีกหลายหลัง นายประสิทธิ์ น้องชายนางพยอม บอกว่า นางสายใจ คือภรรยาของตัวเอง ตอนนี้เสียใจมากยังทำอะไรไม่ถูก ส่วนลูกสาวของนางพยอม ทราบข่าวกำลังเดินทางมา
+++นายสัตวแพทย์พืชผล น้อยนาฝาย นายสัตวแพทย์ชำนาญการพิเศษ หัวหน้างานกลุ่มพัฒนาสุขภาพสัตว์ สำนักงานปศุสัตว์ จ.เชียงราย เตือนเกษตรกรที่เลี้ยงกระบือให้ระวังป้องกันโรคคอบวมหรือเฮโมรายิกเซฟติซีเมีย หลังจากฝูงกระบือกว่า 40 ตัว ของเกษตรกรใน ต.ดอนศิลา อ.เวียงชัย ล้มป่วยด้วยโรคดังกล่าว ก่อนจะตายลงอย่างรวดเร็ว ทั้งนี้ โรคดังกล่าวจะติดต่อเฉพาะในสัตว์เท้ากีบผ่านสารคัดหลั่งที่อีกตัวไปสัมผัสเท่านั้น ไม่ติดต่อสู่คนหรือสัตว์ประเภทอื่น ช่วยปลายปีเช่นนี้ ปกติต้องมีลมหนาวพัดผ่านเข้ามาให้ได้สบายตัวกันแล้ว แต่วันนี้ยังคงเห็นหลายพื้นที่ยังมีฝนตกชุก สลับกับอากาศร้อนในช่วงกลางวัน พอตกเย็นอุณหภูมิกลับลดต่ำลง อากาศเช่นนี้นับว่าเป็นอุปสรรคสำหรับการเลี้ยงสัตว์ สภาพอากาศแบบนี้ ย่อมส่งผลโดยตรงให้สัตว์เลี้ยงเกิดความเครียด ก่อให้เกิดภาวะภูมิคุ้มกันโรคลดลง จึงไม่แปลกที่สัตว์มักจะเจ็บป่วยง่ายขึ้นในช่วงนี้ สิ่งสำคัญที่ควรคำนึงถึงคือ การปรับสภาพในโรงเรือนให้เหมาะสม สำหรับสัตว์กีบคู่ อาทิ โค กระบือ สุกร ช่วงนี้ต้องเฝ้าระวังเรื่องโรคติดต่อ โดยเฉพาะโรคที่มักพบบ่อย คือ โรคปากและเท้าเปื่อย (FMD) โดยเฉพาะเขตภาคเหนือและภาคกลางตอนบน ที่สำคัญต้องเน้นการให้วัคซีนอย่างเข้มงวด