ฝนจะตกมากขึ้นในประเทศไทยจากอิทธิพลของพายุดีเปรสชั่น นายภูเวียง ประคำมินทร์ อธิบดีกรมอุตุนิยมวิทยา เปิดเผยว่า ดีเปรสชั่นลูกนี้ เป็นผลจากหย่อมความกดอากาศต่ำทวีกำลังแรงบริเวณทะเลจีนใต้ตอนบน ความเร็วลมสูงสุดใกล้ศูนย์กลางประมาณ 50 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ทำให้ตั้งแต่วันพรุ่งนี้(31 กรกฎาคม)-วันที่ 3 สิงหาคม ประเทศไทยจะมีฝนตกเพิ่มขึ้นและฝนหนักบางแห่ง ทำให้หลายจังหวัดในภาคเหนือ เช่น จังหวัดเชียงราย, จังหวัดพะเยา และจังหวัดน่าน รวมไปถึงภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนบนจะได้รับผลกระทบโดยตรง ส่วนกรุงเทพมหานคร ภาคใต้ และอ่าวไทย จะได้รับผลกระทบทางอ้อม ตั้งแต่วันพรุ่งนี้ ถึงวันที่ 6 สิงหาคม โดยคาดว่า วันที่ 2 และ 3 สิงหาคม จะเป็นช่วงที่ได้รับผลกระทบจากพายุมากที่สุด ก่อนพายุจะเริ่มสลายตัวในวันที่ 4 สิงหาคม
อธิบดีกรมอุตุนิยมวิทยา ให้ความมั่นใจว่า พายุลูกนี้ จะไม่ทวีความรุนแรงเป็นไต้ฝุ่นและจะไม่เคลื่อนเข้าประเทศไทยโดยตรง ซึ่งขณะนี้ได้ส่งเรื่องให้กับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เช่น สำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติ(สทนช.) และหน่วยงานในท้องถิ่นเพื่อแจ้งเตือนประชาชนและเตรียมพร้อมต่อไปแล้ว
สำหรับในช่วงที่พายุเข้าคลื่นลมบริเวณทะเลอันดามันและอ่าวไทยจะมีกำลังแรง ทะเลอันดามันจะมีคลื่นสูง 2-3 เมตร ส่วนอ่าวไทยจะมีคลื่นสูง 2 เมตร จึงขอให้ชาวเรือเดินเรือระมัดระวัง หลีกเลี่ยงการเดินเรือบริเวณที่มีฝนฟ้าคะนอง เรือเล็กควรงดออกจากฝั่งถึงวันที่ 6 สิงหาคม
ส่วนประชาชนในพื้นที่เสี่ยงโดยเฉพาะที่ติดกับภูเขาขอให้ระมัดระวังอันตรายจากฝนที่ตกหนักและฝนที่ตกสะสมที่อาจทำให้เกิดดินสไลด์ น้ำท่วมฉับพลัน และน้ำป่าไหลหลาก และข้อดีจากฝนที่ตกมากขึ้นและฝนหนักบางแห่ง ส่งผลทำให้น้ำในเขื่อนต่างๆมีมากขึ้น โดยเฉพาะในพื้นที่ภาคเหนือ
สำหรับผู้ที่จะเดินทางไปเกาะไหหลำและประเทศเวียดนามตอนบนควรตรวจสอบสภาพอากาศก่อนออกเดินทาง เพราะพายุลูกนี้จะเคลื่อนผ่านเกาะไหหลำก่อนขึ้นฝั่งที่ประเทศเวียดนามตอนบนในวันที่ 1-2 สิงหาคมนี้
อธิบดีกรมอุตุนิยมวิทยา เชื่อว่า ตั้งแต่เดือนสิงหาคม-ตุลาคม จะมีพายุอย่างน้อย 1-2 ลูกเคลื่อนเข้าประเทศไทยโดยตรง ถ้าเป็นเช่นนั้นจะช่วยให้การกักเก็บน้ำได้มากขึ้น หากประชาชนมีข้อสอบถามสามารถโทรสอบถามได้ที่สายด่วน 1182 ตลอด 24 ชั่วโมง พร้อมติดตามประกาศจากเว็บไซต์ของกรมอุตุนิยมวิทยาได้ที่ http://www.tmd.go.th
ผสข. ธีรวัฒน์ สิทธิเกรียงไกร