ความเคลื่อนไหวเมืองไทยวันนี้ 07.30 น. 29 กรกฎาคม 2562

ประธานาธิบดีเอ็มมานูแอล มาครง ของฝรั่งเศส ส่งสารแสดงความยินดีถึง พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม โดยมีใจความตอนหนึ่งคือ ขอแสดงความยินดีในนามของประชาชนฝรั่งเศสและในนามของตนเอง ขอให้ประสบความสำเร็จในการปฏิบัติหน้าที่ การเลือกตั้งเมื่อวันที่ 24 มีนาคมเป็นการเลือกตั้งที่ทั้งชาวไทยและประชาคมระหว่างประเทศรอคอย ถือเป็นก้าวสำคัญในการฟื้นฟูสถาบันประชาธิปไตยในประเทศไทย และเป็นการนำพาประเทศไทยกลับมาเป็นส่วนหนึ่งของประชาคมระหว่างประเทศอย่างสมบูรณ์ ตามที่มีการหารือกันที่กรุงปารีส เมื่อเดือนมิถุนายน 2561 โดยทั้ง 2 ประเทศยังสามารถมีการทำงานร่วมกันในอีกหลากหลายด้านที่รออยู่ โดยเฉพาะในด้านความมั่นคงและการพัฒนาที่ยั่งยืน

สัปดาห์นี้ไม่มีการประชุมทั้งสภาผู้แทนราษฎรและวุฒิสภา เนื่องจากจะมีการเคลื่อนย้ายอุปกรณ์สิ่งของและระบบเทคโนโลยีต่างๆออกจากห้องประชุมชั่วคราว สำนักงานใหญ่ทีโอที กลับไปติดตั้งที่อาคารรัฐสภาแห่งใหม่ ที่แยกเกียกกาย จากนั้นในสัปดาห์ถัดไปจะเริ่มใช้ห้องประชุมจันทราในอาคารรัฐสภาแห่งใหม่ ประชุมเป็นครั้งแรก

ในการประชุมคณะรัฐมนตรีวันที่ 30 กรกฎาคมนี้ สำนักงบประมาณจะเสนอหารือถึงงบประมาณปี 2563 ว่าจะคงกรอบงบตามที่รัฐบาลชุดก่อนอนุมัติไว้หรือไม่ หากยืนยันตามกรอบงบประมาณเดิม 3 ล้าน 2 แสนล้านบาท ทางสำนักงบประมาณพร้อมที่จะเสนอร่างกฎหมายงบประมาณประจำปี 2563 เข้าสู่การพิจารณาในสัปดาห์ถัดไป หลังจากกระทรวงต่างๆ จะทำคำขอใช้งบประมาณโดยนำนโยบายรัฐบาลและนโยบายหาเสียงของพรรคร่วมรัฐบาลมาใส่ไว้ด้วย ซึ่งในขั้นตอนหลังจากการพิจารณาของคณะรัฐมนตรี ก็จะเป็นการนำเสนอต่อสภาผู้แทนราษฎรในช่วงกลางเดือนตุลาคม และคาดว่าจะสามารถพิจารณางบประมาณแล้วเสร็จ และประกาศบังคับใช้ได้ในช่วงเดือนมกราคม ซึ่งยังเป็นไปตามกรอบเดิมที่คาดว่าจะล่าช้า 3-4 เดือน แต่หากคณะรัฐมนตรีให้ปรับแก้ไขวงเงินงบประมาณใหม่ ก็จะต้องเริ่มต้นการทำงบประมาณใหม่

ก่อนหน้านี้นายชวน หลีกภัย ประธานสภาผู้แทนราษฎร เปิดเผยว่า การพิจารณาร่างพระราชบัญญัติ งบประมาณรายจ่ายประจำปี 2563 อาจต้องเปิดการประชุมสมัยวิสามัญเพื่อพิจารณา เนื่องจากกรอบเวลาที่รัฐบาลจะนำเสนอร่าง พ.ร.บ.งบประมาณฯ จะอยู่ช่วงวันที่ 18 กันยายน เป็นช่วงปลายของการประชุมสภาสมัยสามัญ ดังนั้น เพื่อให้การพิจารณาของสภาสามารถทำได้ทันจึงต้องเปิดประชุมสภาสมัยวิสามัญฯในการพิจารณา พ.ร.บ.งบประมาณฯ แต่ทำให้การใช้งบประมาณประจำปี 2563 ไม่ทันวันที่ 1 ตุลาคม ตามรอบการใช้งบประมาณปกติ

โดยในการประชุมคณะรัฐมนตรีวันที่ 30 กรกฎาคมนี้ คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ จะชี้แจงเรื่องการยื่นแสดงบัญชีทรัพย์สินและหนี้สินของรัฐมนตรี การจัดการหุ้นส่วน และหุ้นของรัฐมนตรี ที่เป็นข้อพึงปฏิบัติและข้อควรระมัดระวังของครม.

สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ เข้าชี้แจงยุทธศาสตร์ชาติและแผนปฏิรูปประเทศ

ผู้แทนจากกระทรวงการคลังเข้าชี้แจงแนวทางปฏิบัติตาม พ.ร.บ.วินัยการเงินการคลังของรัฐ พ.ศ.2561

ผู้แทนจากสำนักงบประมาณเข้าชี้แจงแนวทางปฏิบัติตาม พ.ร.บ.วิธีการงบประมาณ พ.ศ.2561 และระเบียบว่าด้วยการบริหารงบประมาณรายจ่ายงบกลาง รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น พ.ศ.2560 ระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรีว่าด้วยหลักเกณฑ์และวิธีการในการขอใช้งบประมาณรายจ่ายงบกลาง รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น เพื่อแก้ไขและเยียวยา ความเดือดร้อนเสียหายในบางกรณี พ.ศ.2559

อีกเรื่องที่ต้องติดตามคือประเด็นที่สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร ไม่สามารถเป็นข้าราชการการเมือง เนื่องจากเข้าข่ายขัดกันแห่งผลประโยชน์ ตามรัฐธรรมนูญ ทำให้สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรที่ดำรงตำแหน่งข้าราชการการเมืองในคณะรัฐมนตรีต้องลาออกจากการเป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร และเลื่อนอันดับบุคคลในลำดับถัดไปในบัญชีรายชื่อขึ้นมาเป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร

โดยพรรคพลังประชารัฐจะมีการจัดทำบัญชีข้าราชการการเมือง เพื่อวางหลักเกณฑ์ในการประชุมสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรของพรรคในวันที่ 30 กรกฎาคม

นายเรืองไกร ลีกิจวัฒนะ อดีตสมาชิกพรรคไทยรักษาชาติ เตรียมยื่นสำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ หรือ ป.ป.ช. เพื่อให้พิจารณาวินิจฉัยคำแถลงนโยบายของรัฐบาล ที่ไม่มีการระบุงบประมาณและตัวเลขรายได้ อย่างไรก็ตาม ในที่ประชุมรัฐสภา มีสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรหลายคนได้อภิปรายในประเด็นนี้แล้ว จึงจะรอก่อนว่าจะมีการยื่นต่อ ป.ป.ช. หรือไม่ หากไม่ยื่นเรื่องก็จะทำหน้าที่ในฐานะประชาชนยื่นเรื่องต่อ ป.ป.ช.ต่อไป

ส่วนนายศรีสุวรรณ จรรยา เลขาธิการสมาคมองค์การพิทักษ์รัฐธรรมนูญไทย ที่ออกแถลงการณ์แสดงความสงสัยเรื่องความโปร่งใสการประมูลโครงการก่อสร้างท่าเรือแหลมฉบังเฟส 3  โดยเห็นว่าการท่าเรือแห่งประเทศไทยและรัฐบาล ต้องอธิบายว่าเหตุใดจึงตัดสินใจเลือกกลุ่มบริษัทที่ให้ผลตอบแทนทางการเงินแก่รัฐเพียง 12,000 ล้านบาท ทั้งไม่ปรากฏมาตรการแก้ไขผลกระทบของชุมชนและสิ่งแวดล้อมที่มีปัญหาวิกฤตมาอย่างยาวนาน

….