สหรัฐขู่ขึ้นภาษีไวน์จากฝรั่งเศส เอาคืน ถูกเก็บภาษีดิจิทัล

ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ผู้นำสหรัฐฯ ส่งข้อความในทวิตเตอร์ขู่จะใช้มาตรการกำแพงภาษีไวน์นำเข้าจากฝรั่งเศส เพื่อตอบโต้ที่รัฐบาลฝรั่งเศสเดินหน้าผลักดันการจัดเก็บภาษีบริการด้านดิจิทัลที่คาดว่าจะกระทบต่อบรรดาบริษัทด้านเทคโนโลยีรายใหญ่ของสหรัฐฯ รวมทั้งกูเกิลและเฟสบุ๊ก ผู้นำสหรัฐฯ ระบุว่า การจัดเก็บภาษีบริการดิจิทัลจากบริษัทผู้ให้บริการต่างชาติควรเป็นหน้าที่ของรัฐบาลประเทศนั้นมากกว่า ซึ่งกรณีเป็นบริษัทจากสหรัฐฯ ก็ควรให้รัฐบาลสหรัฐฯ เป็นผู้ดำเนินการ พร้อมทิ้งท้ายข้อความว่า เขามักพูดอยู่เสมอว่า ไวน์อเมริกันดีกว่าไวน์ฝรั่งเศส ประธานาธิบดีทรัมป์ยังให้สัมภาษณ์กับสื่อมวลชนด้วยว่า เขาเคยบอกถึงความวิตกกังวลต่อการจัดเก็บภาษีบริการด้านดิจิทัลที่รัฐบาลฝรั่งเศสกำลังผลักดันกับประธานาธิบดีเอ็มมานูเอล มาครง ผู้นำฝรั่งเศสไปแล้วในระหว่างการหารือทางโทรศัพท์เมื่อสัปดาห์ก่อน และหากรัฐบาลฝรั่งเศสยังคงดึงดันเดินหน้าจัดเก็บภาษีดังกล่าว สหรัฐฯ ก็จะจัดเก็บภาษีสินค้านำเข้าสำคัญจากฝรั่งเศสเช่นกัน

ด้านทำเนียบขาวระบุว่า ผู้นำสหรัฐฯ และผู้นำฝรั่งเศสจะหารือเรื่องภาษีบริการด้านดิจิทัลร่วมกันอีกครั้งในระหว่างการประชุมสุดยอดผู้นำกลุ่มประเทศร่ำรวย 7 ประเทศหรือ จี 7 ในเดือนหน้าที่ฝรั่งเศส ขณะที่ทำเนียบประธานาธิบดีฝรั่งเศสเผยว่า ผู้นำฝรั่งเศสเน้นย้ำว่า การประชุมกลุ่มผู้นำจี 7 จะเป็นโอกาสสำคัญในการผลักดันการจัดเก็บภาษีบริการด้านดิจิทัล ซึ่งเป็นผลประโยชน์ร่วมกันของนานาประเทศ

ด้านนายบรูโน่ เลอ แมร์ รัฐมนตรีคลังของฝรั่งเศสออกแถลงการณ์ว่า การจัดเก็บภาษีบริการด้านดิจิทัลถือเป็นความท้าทายแก่ฝรั่งเศสที่ต้องการบรรลุข้อตกลงภายใต้กรอบการทำงานของกลุ่มจี 7 และองค์การเพื่อความร่วมมือและการพัฒนาทางเศรษฐกิจ หรือ โออีซีดี ควบคู่กับการเดินหน้าดำเนินการภายในประเทศ ปัจจุบัน สหรัฐฯ เป็นผู้นำเข้าเครื่องดื่มไวน์และแอลกอฮอล์รายใหญ่ที่สุดจากฝรั่งเศส โดยเมื่อปีที่ผ่านมา สหรัฐฯ นำเข้าไวน์จากฝรั่งเศสคิดเป็นจำนวนเกือบ 1 ใน 4 ของไวน์ที่ฝรั่งเศสส่งออกทั้งหมด คิดเป็นมูลค่ากว่า 3,200 ล้านยูโร หรือราว 115,000 ล้านบาท