การแถลงนโยบายรัฐบาล เป็นการชี้แจงในฝ่ายรัฐบาล ในประเด็นการปราบปรามการทุจริต ที่สมาชิกรัฐสภาอภิปรายและซักถาม พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดารัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย กล่าวว่า ตนไม่ได้ชี้แจงแทนนายกรัฐมนตรี แต่นายกรัฐมนตรีได้สั่งการให้หน่วยงานของรัฐทุกกระทรวง เน้นย้ำทำทุกอย่างเพื่อประโยชน์ของประเทศชาติ ยืนยันว่า รัฐบาลได้เอาจริงเอาจังกับการทุจริตประพฤติมิชอบในทุกรูปแบบ ไม่ว่าจะเป็นข้าราชการหรือผู้เกี่ยวข้องกับข้าราชการ โดยจะต้องเอาผิดทั้งวินัยและอาญา และในฐานะรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทยเดินตามนโยบายเต็ม 100 พร้อมรับรองว่า 5 ปีที่ผ่านมา ไม่ว่ากรมใด จังหวัดใด รัฐวิสาหกิจใด ไม่มีการทุจริตหากพบว่าหน่วยงานดังกล่าวมีการทุจริตขึ้นจริงไม่สามารถเอาหลักฐานมาเล่นงานตนเองได้เลย
ส่วนเรื่องจัดซื้อรถบรรเทาสาธารณภัย ในสังกัดของกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย (ปภ.) รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ยอมรับว่า เหตุภัยพิบัติที่เกิดขึ้น จึงจำเป็นต้องมีการจัดซื้ออุปกรณ์บรรเทาสาธารณภัยหลายรูปแบบ ซึ่งให้ศูนย์ป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยทั้ง 18 แห่ง แต่ละแห่งมีพื้นที่เขตรับผิดชอบประมาณ 4-5 จังหวัดทั่วประเทศ แต่ก็ยังไม่เพียงพอ เช่น เหตุการณ์เด็กติดถ้ำหลวงขุนน้ำนางนอน รวมถึงเหตุการณ์ต่างๆที่อุปกรณ์ไม่เอื้ออำนวย
ด้านนายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรี ระบุว่า นายกรัฐมนตรีได้ฝากไว้ก่อนไปปฏิบัติภารกิจ การนัดหมายกับประธานคณะมนตรีองค์การการบินพลเรือนระหว่างประเทศ หรือ ประธาน ICAO ว่า หลังจาก 2-3 ปีที่แล้วเราถูกปักธงแดง เนื่องจากการบินของไทยขาดมาตรฐาน และใช้เวลาหลายปีจนกระทั่งปลดธงแดงเมื่อต้นปีนี้ ดังนั้นการที่นายกรัฐมนตรี ไปพบประธาน ไอเคโอ เป็นการนัดหมายไว้ล่วงหน้าพร้อมยืนยันว่า นายกรัฐมนตรีเห็นความสำคัญของรัฐสภาไม่ต่างจากสมาชิกคนอื่นๆ