นายกฯตั้งเป้าทำรายได้ท่องเที่ยวกว่า3ล้านล้านบาท เดินหน้ารับมือศก.

การประชุมรัฐสภาในช่วงค่ำวันนี้ นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรี ได้อภิปรายนโยบายเศรษฐกิจของรัฐบาลในหลายประเด็น โดยชี้แจงว่าได้เร่งแก้ปัญหาเชิงโครงสร้าง การขับเคลื่อนประเทศต้องมีนโยบายระยะยาวบนพื้นฐานที่แข็งแกร่งและยั่งยืน แต่เนื่องจากภาวะการเมืองที่เปลี่ยนแปลงบ่อยครั้ง ทำให้นโยบายส่วนใหญ่กลายเป็นนโยบายระยะสั้นที่หวังเรียกคะแนนนิยมจากประชาชนทำให้การพัฒนาประเทศเป็นไปได้ยาก พร้อมชี้แจงว่ารัฐบาลชุดที่แล้วพยายามใช้เงินกระตุ้นเศรษฐกิจในช่วงต้น และได้สานต่อโครงการกองทุนหมู่บ้าน, 30 บาทรักษาทุกโรค แต่รัฐบาลไม่ได้สานต่อโครงการจำนำข้าว เพราะเห็นว่าส่งผลกระทบเสียหายต่อประเทศ ก่อนชี้ถึงตัวเลขการเติบโตทางเศรษฐกิจที่ดีขึ้นต่อเนื่องมาถึงร้อยละ 4.8 ในไตรมาสแรกของปีที่แล้ว ส่วนการส่งออกที่หดตัวในช่วงนี้รับว่าเป็นผลกระทบจากปัญหาสงครามทางการค้าระหว่างจีนและสหรัฐอเมริกา

จากนั้นพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ได้ลุกขึ้นชี้แจงเกี่ยวกับการท่องเที่ยวของประเทศ โดยคาดว่ามูลค่าการท่องเที่ยวของประเทศในปีนี้จะสูงถึง 3.38 ล้านล้านบาท(สามล้านสามแสนแปดหมื่นล้านบาท) ซึ่งถ้าทำได้จะถือว่าขยายตัวจากปีที่แล้วถึงร้อยละ9.5 พร้อมคาดว่าจะมีรายได้จากนักท่องเที่ยวต่างชาติราว 2.21 ล้านล้านบาท(สองล้านสองแสนหนึ่งหมื่นล้านบาท) และรายได้จากนักท่องเที่ยวในประเทศอีกกว่า 1.17 ล้านล้านบาท(หนึ่งล้านหนึ่งแสนเจ็ดหมื่นล้านบาท)

ส่วนน.ส.พรรณิการ์ วานิช สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร(ส.ส.) พรรคอนาคตใหม่ ได้ตั้งคำถามถึงการทำงานของนายกรัฐมนตรีในหลายประเด็น โดยเฉพาะเรื่องสิทธิมนุษยชน

ด้านนายดอน ปรมัตถ์วินัย รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ ได้ชี้แจงนโยบายรัฐบาลในส่วนที่เกี่ยวกับการดำเนินงานต่างประเทศของประเทศไทย โดยชี้แจงเกี่ยวกับการประชุมสุดยอดผู้นำอาเซียนและการประชุมผู้นำ G 20

ก่อนหน้านี้นายชวน หลีกภัย ประธานรัฐสภา ได้ชี้แจงเวลาการอภิปรายที่เหลือของแต่ละฝ่าย โดยพรรคฝ่ายค้านเหลือเวลานานที่สุดประมาณ 9 ชั่วโมงเศษ ส่วนพรรคฝ่ายรัฐบาลเหลือประมาณ 3 ชั่วโมงกว่า

ผสข. ธีรวัฒน์ สิทธิเกรียงไกร