นายกฯย้อนให้กลับไปดูทุจริตจำนำข้าว ด้านสส.ฝ่ายค้านอภิปรายนโยบายไม่โปร่งใส

25 กรกฎาคม 2562, 20:39น.


การแถลงนโยบายรัฐบาลต่อที่ประชุมรัฐสภา ล่าสุดเริ่มดุเดือดและเกิดความวุ่นวายขึ้นเล็กน้อย หลังสมาชิกพรรคฝ่ายค้านและฝ่ายรัฐบาล ต่างลุกประท้วงกันไปมาในช่วงที่นายรังสิมันต์ โรม สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร(ส.ส.)พรรคอนาคตใหม่ ได้อภิปรายโจมตีการส่อทุจริตของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม, พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี และพล.อ.ปรีชา จันทร์โอชา สมาชิกวุฒิสภา ที่เป็นน้องชายพล.อ.ประยุทธ์ ในหลายเรื่อง ทั้งเรื่องการทำงานและการใช้งบอย่างไม่โปร่งใส โดยเฉพาะกรณีที่พล.อ.ประวิตร บินไปดูงานที่ฮาวายที่มีการกินไข่ปลาคาเวียร์ ก่อนทิ้งท้ายถามนายกรัฐมนตรีว่าจะมีการรัฐประหารเกิดขึ้นในอนาคตอีกหรือไม่ ทำให้นายกรุง ศรีวิไล ส.ส.พรรคพลังประชารัฐ ลุกขึ้นประท้วงว่า หากมีนักการเมืองเช่นนี้จะมีการรัฐประหารอีกแน่นอน พร้อมรับว่าพล.อ.ประยุทธ์ และพล.อ.ประวิตร เป็นเจ้านายตัวเอง



จากนั้นนายกรัฐมนตรี ลุกขึ้นตอบกลับว่า ตัวเองไม่เคยต้องการทำรัฐประหาร แต่จำเป็นต้องทำเพื่อป้องกันเหตุจลาจลทางการเมือง ส่วนการทุจริตของตัวเองและบุคคลใกล้ชิดขอให้กลับไปดูข้อกฎหมาย และคำตัดสินของหน่วยงานที่เกี่ยวข้องว่าตัดสินอย่างไร ก่อนพูดอย่างมีอารมณ์ว่าขอให้นายรังสิมันต์ กลับไปดูการทุจริตคดีจำนำข้าวว่าทำให้เกิดความเสียหายกับประเทศเท่าใด



ก่อนหน้านี้บรรดารัฐมนตรีในคณะรัฐมนตรี(ครม.) ได้เริ่มทยอยแถลงนโยบายต่อที่ประชุมรัฐสภาแล้ว เช่น นายวราวุธ ศิลปอาชา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม, นายประภัตร โพธสุธน รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ แถลงนโยบายแล้วเช่นกัน โดยระบุว่า มีสินค้าเกษตรอย่างน้อย 5 ชนิดที่รัฐบาลจะประกันรายได้ เช่น มันสำปะหลัง ส่วนการแก้ปัญหาปาล์มส่วนเกิน รัฐบาลจะส่งเสริมให้ใช้น้ำมันบี 20 และบี 100 รวมทั้งจะให้การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย(กฟผ.) นำปาล์มไปผลิตเป็นกระแสไฟฟ้า ซึ่งเชื่อว่าจะส่งผลให้ราคาปาล์มปรับตัวสูงขึ้น พร้อมย้ำว่าจะเดินหน้าเจรจาเขตการค้าเสรี(เอฟทีเอ) กับสหภาพยุโรป เพื่อเปิดตลาดใหม่ และจะเร่งผลักดันกรอบความตกลงหุ้นส่วนทางเศรษฐกิจระดับภูมิภาค(อาร์เซ็ป) ให้จบภายในปีนี้ เนื่องจากกรอบความตกลงนี้มีมูลค่าทางเศรษฐกิจที่สูงเป็นลำดับต้นๆของโลก ถ้าทำได้ก็จะช่วยขยายตลาดการค้าของประเทศได้มากขึ้น

ข่าวทั้งหมด

X