ผู้นำสหรัฐฯ จะผ่อนปรนให้บริษัทเทคโนโลยีสหรัฐฯขายสินค้าให้กับหัวเว่ยของจีน

ตามที่สหรัฐฯประกาศขึ้นบัญชีดำบริษัทหัวเว่ย เทคโนโลยี ผู้ผลิตเครื่องสมาร์ทโฟนและโทรคมนาคมรายใหญ่ของประเทศจีน เมื่อเดือนพฤษภาคม ห้ามบริษัทอเมริกันทำธุรกิจหรือขายชิ้นส่วนหรืออุปกรณ์ให้กับหัวเว่ย โดยไม่ขอใบอนุญาตจากกระทรวงพาณิชย์สหรัฐฯก่อน เนื่องจากมองว่าหัวเว่ยเป็นภัยคุกคามความมั่นคงของสหรัฐฯ ล่าสุด เมื่อวานนี้ ทำเนียบขาวของสหรัฐฯ เปิดเผยว่า ในการประชุมร่วมกับคณะผู้บริหารจากบริษัทเทคโนโลยีชั้นนำของสหรัฐฯ รวมถึงบริษัทซิสโก้ ซีสเต็มส์, อินเทล คอร์ป, บรอดคอม, ควอลคอมม์, ไมครอน เทคโนโลยี, เวสเทิร์น ดิจิทัล คอร์ป และบริษัทกูเกิล  ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ของสหรัฐฯเห็นพ้องกับข้อเสนอของที่ประชุมเรื่องการผ่อนปรนให้บริษัทเทคโนโลยีของสหรัฐฯขายสินค้าให้บริษัทหัวเว่ย โดยนายทรัมป์ จะกำชับให้กระทรวงพาณิชย์สหรัฐฯเร่งพิจารณาอนุมัติการออกใบอนุญาตให้เร็วขึ้นสำหรับบริษัทสหรัฐฯที่ต้องการจะขายสินค้าให้กับหัวเว่ย

มีการตั้งข้อสังเกตว่า การผ่อนปรนดังกล่าว เกิดขึ้นหลังจากที่ประธานาธิบดีทรัมป์ กับประธานาธิบดีสี จิ้นผิง ผู้นำจีน ตกลงกันเมื่อปลายเดือนมิถุนายน ระหว่างการประชุมจี20 ที่ญี่ปุ่นว่า ทั้งสองฝ่ายจะสงบศึกการค้าชั่วคราว และจะจัดการเจรจาร่วมกันอีกครั้ง โดยที่สหรัฐฯให้คำมั่นว่าจะยังไม่มีการขึ้นภาษีสินค้านำเข้าจากจีนมูลค่า 3 แสนล้านดอลลาร์สหรัฐฯ รวมถึงสหรัฐฯจะผ่อนปรนมาตรการปิดกั้นหัวเว่ย ด้วยการเริ่มออกใบอนุญาตบางส่วนให้แก่บริษัทซับพลายเออร์ของสหรัฐฯสามารถส่งชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์ให้กับหัวเว่ยได้ ขณะที่จีนก็ให้สัญญาว่าจะกลับมานำเข้าสินค้าเกษตรจากสหรัฐฯ

สอดคล้องกับที่หนังสือพิมพ์เซาท์ ไชน่า มอร์นิ่ง โพสต์ รายงานว่า สัปดาห์หน้า นายสตีเวน มนูชิน รัฐมนตรีคลังสหรัฐฯ และนายโรเบิร์ต ไลท์ไฮเซอร์ ผู้แทนการค้าสหรัฐฯ จะเดินทางไปที่กรุงปักกิ่ง ของจีน เพื่อเจรจากับนายหลิว เหอ รองนายกรัฐมนตรีจีน และในเดือนนี้ เจ้าหน้าที่ระดับสูงของทั้งสองประเทศ ก็มีการโทรศัพท์พูดคุยกัน ซึ่งนายมนูชิน กล่าวว่า เรื่องของหัวเว่ยไม่ใช่ข้อขัดแย้งหลักของการเจรจา แต่ทั้งสองฝ่ายยังมีประเด็นที่ซับซ้อนที่ต้องเจรจากันอีกมาก และท่าทีระหว่างสองประเทศยังคงเป็นที่จับตามองของหลายประเทศ เนื่องจาก กระทบต่อระบบเศรษฐกิจโลกโดยตรง

ทีมต่างประเทศ

CR:Reuters