รายงานจากข่าวจากเพจไทยคู่ฟ้า ช่วยเหลือ เกษตรกรที่ประสบปัญหาภัยแล้ง ในมาตรการช่วยเหลือเกษตรกรจากปัญหาภัยธรรมชาติ ประกอบด้วย การช่วยเหลือจากธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) ลูกค้า ธ.ก.ส. สามารถติดต่อขอรับบริการ ณ สาขาที่ขึ้นทะเบียนไว้ได้ตามปกติ สินเชื่อเงินด่วน ให้กู้ได้รายละไม่เกิน 50,000 บาท อัตราดอกเบี้ย MRR 7% เพื่อใช้ในการจัดหาปัจจัยการผลิตเพาะปลูกพืชระยะสั้น และทุนหมุนเวียนในการประกอบอาชีพ
สินเชื่อฟื้นฟูและพัฒนาคุณภาพชีวิตสำหรับเกษตรกรลูกค้าผู้ประสบภัยธรรมชาติหรือภัยพิบัติ ให้กู้ต่อรายสูงสุดไม่เกิน 500,000 บาท ดอกเบี้ย MRR -2 หรือเท่ากับ 5% ระยะเวลาชำระคืนเงินกู้ไม่เกิน 15 ปี สินเชื่อเพื่อเป็นค่าใช้จ่ายฉุกเฉิน กู้ได้รายละไม่เกิน 50,000 บาท สำหรับนำไปใช้จ่ายในชีวิตประจำวัน ป้องกันไม่ให้เป็นหนี้นอกระบบ
ส่วนมาตรการปรับโครงสร้างและตารางชำระหนี้ ให้ลูกหนี้ ธ.ก.ส. ที่เข้าโครงการขยายเวลาชำระหนี้ตามแนวทางเกษตรประชารัฐ โดยพักชำระเงินต้นให้ 3 ปี ตั้งแต่วันที่ 1 ส.ค. 2561 - 31 ก.ค. 2564 รวมถึงเกษตรกรที่ไม่ได้เข้าร่วมโครงการสามารถขอขยายเวลาปรับตารางชำระ พักหนี้ได้ 1 รอบปีการผลิต
สำหรับมาตรการที่ร่วมกับท้องถิ่นดำเนินการคือ การจัดโครงการพัฒนาแหล่งน้ำ สร้างฝายมีชีวิต เพื่อสนับสนุนการประกอบอาชีพภาคการเกษตร 6,100 ฝาย เป็นโครงการเพื่อสังคมที่ดำเนินการมาอย่างต่อเนื่อง
ด้านความช่วยเหลือของกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ แบ่งเป็นมาตรการเยียวยาความเสียหายแก่เกษตรกรที่ได้รับผลกระทบ กรมส่งเสริมการเกษตรเร่งสำรวจพื้นที่ที่ได้รับความเสียหาย กรมการข้าวเตรียมเมล็ดพันธุ์ข้าว เพื่อแจกจ่ายให้กับเกษตรกรที่ได้รับผลกระทบอย่างสิ้นเชิง ซึ่งมีเมล็ดพันธุ์ข้าวเจ้าสำรองไว้แล้วจำนวน 10,000 ตัน นอกจากนั้น ยังได้พิจารณาให้เกษตรกรปลอดการชำระหนี้กับ ธ.ก.ส.เป็นระยะเวลา 3 ปี รวมถึงเกษตรกรที่ไม่ได้เข้าร่วมโครงการ สามารถขอขยายเวลาปรับตารางชำระหนี้ได้ 1 รอบปีการผลิตสำหรับมาตรการเพิ่มปริมาณน้ำในเขื่อนและพื้นที่ที่ประสบภัยแล้งโดยปฏิบัติการฝนหลวง ร่วมกับกองทัพบก สำนักงานตำรวจแห่งชาติ และกองทัพอากาศ
CR:ไทยคู่ฟ้า