ในวันนี้ สมาชิกพรรคอนุรักษ์นิยมจำนวน 160,000 จะลงคะแนนเลือกตั้งหัวหน้าพรรคอนุรักษ์นิยม ซึ่งเป็นพรรครัฐบาลสหราชอาณาจักร ซึ่งจะทำให้ผู้ที่เป็นหัวหน้าพรรคดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีคนใหม่ต่อจากนางเทเรซา เมย์ ที่จะพ้นจากตำแหน่งในวันพุธตามเวลาท้องถิ่น โดยผลการหยั่งเสียงพบว่านายบอริส จอห์นสัน อดีตรัฐมนตรีการต่างประเทศ จะเป็นผู้ชนะนายเจเรมี ฮันต์ รัฐมนตรีการต่างประเทศคนปัจจุบัน และนายจอห์นสัน ประกาศนโยบายสำคัญคือจะนำสหราชอาณาจักรออกจากกลุ่มสหภาพยุโรป หรืออียู ในวันที่ 31 ตุลาคมนี้ ไม่ว่าจะมีหรือไม่มีข้อตกลงกับอียูก็ตาม
ส่วนกรณีสถานการณ์ในช่องแคบฮอร์มุซ นายกรัฐมนตรีเทเรซา เมย์ เป็นประธานการประชุมคณะรัฐมนตรีวาระฉุกเฉินเพื่อรับทราบข้อมูลและประเมินสถานการณ์ด้านความมั่นคงในการเดินเรือ หลังจากที่อิหร่านยึดเรือบรรทุกน้ำมันติดธงชาติสหราชอาณาจักร ชื่อ สเตนา อิมเพโร พร้อมควบคุมตัวลูกเรือ 23 คน เมื่อวันที่ 19 กรกฎาคม
นายฮันต์ รัฐมนตรีการต่างประเทศ หารือกับรัฐมนตรีการต่างประเทศของฝรั่งเศสและเยอรมนี และร่วมกันประณามการกระทำของอิหร่าน ทั้งมีความเห็นพ้องกันว่าความปลอดภัยของการเดินเรือผ่านช่องแคบฮอร์มุซเป็นเรื่องสำคัญสูงสุดของชาติยุโรป แต่จะหลีกเลี่ยงการกระทำใด ๆ ที่จะส่งผลให้สถานการณ์บานปลายออกไป เพราะเห็นได้ชัดว่าเป็นการตอบโต้การที่สหราชอาณาจักรยึดเรือบรรทุกน้ำมันของอิหร่านเมื่อสองสัปดาห์ก่อน
อย่างไรก็ตาม ขณะที่เรือสเตนา อิมเพโรถูกยึดไว้นั้น เรือไม่ได้บรรทุกน้ำมัน ส่วนลูกเรือจำนวน 23 คนส่วนใหญ่เป็นชาวอินเดียและไม่มีชาวอังกฤษ
ส่วนสถานการณ์การชุมนุมในเขตปกครองพิเศษฮ่องกงที่เกิดขึ้นในช่วงสุดสัปดาห์ ต่อเนื่องมา 6 สัปดาห์แล้วนั้น ทำให้รัฐบาลจีนออกประกาศเตือน ท่ามกลางความกังวลว่าสถานการณ์จะเพิ่มความรุนแรงมากขึ้นเรื่อย ๆ เนื่องจากผู้ประท้วงชุมนุมในเขตการค้าและศูนย์กลางทางการเงิน ทั้งบุกรุกทำลายทรัพย์สินราชการ รวมถึงสำนักงานประสานงานของจีน มีการทำลายสัญลักษณ์ประจำชาติ ซึ่งรัฐบาลจีนระบุว่าเป็นการท้าทายอย่างรุนแรงต่ออำนาจของรัฐบาลกลาง
นอกจากนี้ยังมีกลุ่มบุคคลที่สวมเสื้อสีขาว บุกรุกเข้าไปในสถานีรถไฟฟ้าใต้ดินในเขตหยวน หลอง ซึ่งอยู่ใกล้กับพรมแดนนครเสิ่นเจิ้น แล้วทำร้ายร่างกายผู้โดยสารรถไฟ
สมาคมบริการการค้าปลีกของฮ่องกง เปิดเผยว่า สมาชิกส่วนใหญ่มียอดขายลดลงเป็นเลขหนึ่งถึงสองหลักในระหว่างเดือนมิถุนายนถึงสัปดาห์แรกของเดือนกรกฎาคม นักลงทุนจากฮ่องกงมีความกังวลเกี่ยวกับผลกระทบในระยะยาว
หนังสือพิมพ์วอลล์ สตรีท เจอร์นัล รายงานว่าจีนและกัมพูชามีการเจรจาลับกันหลายครั้ง และบรรลุข้อตกลงร่วมกันในปีนี้ ในการให้กองทัพปลดปล่อยประชาชนจีน หรือพีแอลเอ สามารถนำสินทรัพย์ทางทหาร ที่รวมถึงเรือรบและกำลังพลไม่จำกัดจำนวน เข้ามาติดตั้งและประจำการที่ฐานทัพเรือเรียม ซึ่งตั้งอยู่ที่จังหวัดพระสีหนุหรือสีหนุวิลล์ ริมชายฝั่งทางตะวันตกเฉียงใต้ของประเทศ และยังอยู่ใกล้กับสนามบินแห่งใหม่ ซึ่งเงินลงทุนส่วนใหญ่มาจากภาครัฐและเอกชนของจีน
นายกรัฐมนตรีฮุนเซน ของกัมพูชา เปิดเผยกับสื่อของทางการว่า รายงานนี้เป็นข่าวเท็จ ซึ่งเลวร้ายที่สุดที่เคยใช้มาเล่นงานกัมพูชา เพราะเรื่องนี้ไม่มีทางจะเกิดขึ้นได้ การให้ต่างชาติตั้งฐานทัพในประเทศนั้นขัดต่อรัฐธรรมนูญกัมพูชา
ส่วนกระทรวงการต่างประเทศสหรัฐฯออกแถลงการณ์เรียกร้องให้รัฐบาลกัมพูชายกเลิกข้อตกลงฉบับนี้กับจีน เพื่อให้เป็นไปตามรัฐธรรมนูญของกัมพูชา และแสดงความวิตกกังวล ว่าหากกัมพูชายังคงเดินหน้าความร่วมมือนี้ต่อไป จะส่งผลกระทบต่อเสาหลักด้านความมั่นคง และบทบาทการวางตัวเป็นกลางของสมาคมประชาชาติแห่งเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ หรืออาเซียน
ปานามาเป็นประเทศแรกในภูมิภาคอเมริกากลาง ที่เริ่มใช้กฎหมายห้ามการใช้พลาสติกแบบใช้ครั้งเดียวทิ้ง เพื่อเป็นการรักษาสิ่งแวดล้อม ท่ามกลางความตื่นตัวที่เกิดขึ้นทั่วโลกเกี่ยวกับวิกฤติขยะทะเล ซึ่งจะทำให้ปานามาที่มีประชากรราว 4 ล้านคน เป็นหนึ่งในมากกว่า 60 ประเทศที่ห้ามใช้พลาสติกในบางเมืองหรือทั่วประเทศ หรือมีการบังคับใช้ภาษีถุงพลาสติก โดยร้านค้าปลีก ร้านขายยาและซูเปอร์มาร์เก็ตจะหยุดแจกถุงพลาสติกแบบใช้ครั้งเดียวให้กับลูกค้าในทันที ส่วนผู้ขายส่งยังมีเวลาปรับตัวจนถึงปีหน้า ซึ่งหากร้านใดละเมิดจะถูกลงโทษด้วยการปรับเงิน
ก่อนหน้านี้ สหประชาชาติระบุว่า ปานามาคือหนึ่งในประเทศที่มีปัญหาด้านสิ่งแวดล้อมมากที่สุดในโลก นักท่องเที่ยวสามารถพบเห็นขยะและถุงพลาสติกต่างๆ ได้ทั่วไปตามท้องถนนและชายหาดต่างๆ
กระทรวงเกษตรของฝรั่งเศสรายงานว่าผลผลิตไวน์ในประเทศปีนี้มีแนวโน้มลดลงร้อยละ 6 ถึง 13 จากปีที่แล้วและต่ำที่สุดในรอบ 5 ปี โดยน่าจะอยู่ที่ระหว่าง 42.8 ถึง 46.4 ล้านเฮกโตลิตร เนื่องจากสภาพอากาศที่แปรปรวนอย่างหนัก โดยเฉพาะอิทธิพลรุนแรงของคลื่นความร้อนซึ่งปกคลุมหลายประเทศในยุโรปรวมถึงฝรั่งเศสเมื่อเดือนมิถุนายน ส่งผลให้ผลผลิตองุ่นสำหรับบ่มไวน์ไม่มีคุณภาพ
ราคาน้ำมันปรับเพิ่มขึ้นในสัญญาน้ำมันดิบเวสต์เทกซัส อินเตอร์มีเดียต หรือไลต์สวีตครูด งวดส่งมอบเดือนสิงหาคมเพิ่มขึ้น 59 เซนต์ ปิดที่ 56.22 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล ส่วนงวดส่งมอบเดือนกันยายน เพิ่มขึ้น 46 เซนต์ ปิดที่ 56.22 ดอลลาร์ต่อบาร์เรลเช่นกัน
ขณะที่เบรนต์ลอนดอน งวดส่งมอบเดือนกันยายน เพิ่มขึ้น 79 เซนต์ ปิดที่ 63.26 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล
ด้านตลาดหุ้นสหรัฐฯ เอสแอนด์พี แตะระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์อีกครั้ง ได้แรงหนุนจากความคาดหมายว่าเฟดจะปรับลดดอกเบี้ย โดยเพิ่มขึ้น 8.42 จุด หรือร้อยละ 0.28 ปิดที่ 2,985.03 จุด
ดาวโจนส์ เพิ่มขึ้น 17.70 จุด หรือร้อยละ 0.07 ปิดที่ 27,171.90 จุด
แนสแดค เพิ่มขึ้น 57.65 จุด หรือร้อยละ 0.71 ปิดที่ 8,204.14 จุด
...