นายฌอง โค้ลด จุงเกอร์ ประธานกรรมาธิการยุโรป หรือ อียู ตำหนิพฤติกรรมของนายกรัฐมนตรีเดวิด แคเมรอนแห่งอังกฤษ และนายกรัฐมนตรีมัตเตโอ เรนซี แห่งอิตาลี ที่มีขึ้นหลังการประชุมสภายุโรปเมื่อเดือนก่อน ซึ่งทั้ง 2 คนต่างแสดงความเห็นคัดค้านนโยบายสหภาพยุโรป โดยผู้นำอังกฤษกล่าวไม่ยอมรับการเรียกเก็บเงินเพิ่มเติมเพื่อสมทบกองทุนของอียูอีก 2,100 ล้านยูโร ซึ่งนอกจากนี้ยังมีเนเธอร์แลนด์ที่ถูกเรียกเก็บเงินสมทบเพิ่มเติมเช่นกัน ขณะที่ฝรั่งเศสกับเยอรมนีต่างได้รับส่วนลด ซึ่งเป็นการคิดตามอัตราจีดีพีของแต่ละประเทศ ส่วนผู้นำอิตาลีก็วิจารณ์การทำงานอียูที่ยึดติดกับระบบของทางการและมีความเป็นอนุรักษ์นิยมมากเกินไป ซึ่งนายจุงเกอร์ กล่าวว่า เป็นการวิจารณ์ที่ไม่เป็นธรรม และเขาไม่ชอบวิธีการที่นายกรัฐมนตรีแสดงความเห็นหลังจากที่การประชุมเสร็จสิ้นลง ซึ่งแตกต่างจากการแสดงความเห็นภายในที่ประชุม
นายจุงเกอร์กล่าวว่า การแสดงความเห็นของผู้นำทั้ง 2 คนไม่ได้เป็นไปตามข้อเท็จจริงพื้นฐาน โดยในกรณีของอังกฤษนั้น ส่วนหนึ่งคือการที่อังกฤษไม่สามารถจ่ายเงินสมทบได้ตามกำหนดเวลาวันที่ 1 ธันวาคม ทั้งเป็นการกล่าวแสดงความเห็นในเวลาที่ผู้นำอังกฤษกำลังเผชิญแรงกดดันจากประชาชน กระแสการต่อต้านอียูที่เพิ่มมากขึ้นในประเทศ และคะแนนนิยมลดลงในช่วงก่อนที่จะมีการเลือกตั้งในปีหน้า ขณะที่กรณีของอิตาลีนั้น เขากล่าวกับผู้นำอิตาลีไปแล้วว่า เขาไม่ได้เป็นหัวหน้าของส่วนราชการ แต่เป็นประธานของกลุ่มการเมืองตัวแทนของกลุ่มประเทศต่างๆ ในยุโรป
...F163..