*สนามบินขอนแก่นเปิดให้บริการตามปกติ/ภาษีมรดกเข้าครม.11พ.ย.นี้*

05 พฤศจิกายน 2557, 08:11น.


*ความเคลื่อนไหวเมืองไทยวันนี้ 08.30น.



+++ความคืบหน้ากรณีเที่ยวบินทีจี 047 เมื่อวันที่ 3 พ.ย. 2557 เวลาประมาณ 20.00 น. เส้นทางขอนแก่น-กรุงเทพฯ ทำการบินด้วยเครื่องบินแบบแอร์บัส เอ 330-300 ได้เกิดเหตุฐานล้อหน้าตกขอบทางวิ่ง ทำให้ฐานล้อหน้าติดในดินบริเวณขอบทางวิ่งที่ท่าอากาศยานขอนแก่น ทำให้ท่าอากาศยานขอนแก่น ต้องปิดให้บริการ หลังจากกรมการบินพลเรือนได้ยกเลิกการพิทักษ์เครื่องบินดังกล่าว เมื่อช่วงบ่ายของวันที่ 4 พ.ย. 2557 แล้ว บริษัทฯ ได้รีบดำเนินการเคลื่อนย้ายเครื่องบินออกจากจุดเกิดเหตุ โดยทีมช่างวิศวกรผู้เชี่ยวชาญของบริษัทฯ และผู้บริหารที่เกี่ยวข้องควบคุมดูแลอย่างใกล้ชิด จนสามารถเคลื่อนย้ายเครื่องบินได้แล้วเสร็จ เมื่อเวลาประมาณ 02.50 น. ของวันที่ 5 พ.ย. 2557 ทำให้ท่าอากาศยานสามารถเปิดให้บริการได้ตามปกติแล้วในวันนี้



+++พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ได้ประสานมายังกระทรวงเกษตรฯ และกระทรวงมหาดไทย เตรียมลงพื้นที่เยี่ยมชาวนาที่ประสบปัญหาภัยแล้ง โดยเฉพาะพื้นที่ลุ่มน้ำเจ้าพระยาและลุ่มน้ำแม่กลอง ในช่วงกลางเดือน พ.ย.นี้ ซึ่งได้ให้กระทรวงมหาดไทย เป็นผู้กำหนดพื้นที่อีกครั้ง อย่างไรก็ตามคาดว่าจะเป็นพื้นที่ทำนาปรัง ที่ได้รับกระทบจากการงดส่งน้ำของกรมชลประทานในช่วงฤดูแล้ง โดยจะลงไปรับฟังปัญหาความเดือดร้อนของเกษตรกร เพื่อให้ความช่วยเหลือด้านต่าง ๆ นอกจากนี้นายกรัฐมนตรี ยังได้สั่งการให้ทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้องกับเรื่องน้ำ ร่วมกันวางมาตรการรับมือกับปัญหาภัยแล้ง เพื่อบรรเทาผลกระทบต่อทุกภาคส่วนที่เกิดขึ้นแน่นอนในปีหน้า



+++นายชวลิต ชูขจร ปลัดกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เปิดเผยว่าหลังจากที่กรมชลประทาน ประกาศงดส่งน้ำทำนาปรัง ตั้งแต่วันที่ 1 พ.ย.57 -30 เม.ย.58 แต่ล่าสุดพบว่ามีชาวนาจำนวนมากเดินหน้าทำนาปรัง กว่า 1 ล้านไร่แล้ว โดยเฉพาะในพื้นที่ลุ่มน้ำเจ้าพระยา ซึ่งมีแนวโน้มว่าจะเสียหายทั้งหมดจากปัญหาภัยแล้งที่จะรุนแรงขึ้นตั้งแต่เดือน ธ.ค.เป็นต้นไป ทั้งนี้รัฐบาลยืนยันชัดเจนว่าจะไม่จ่ายเงินเยียวยาเมื่อเกิดความเสียหายจากภัยแล้ง เพราะได้ประกาศแจ้งเตือนล่วงหน้าก่อนหนึ่งเดือนแล้ว รวมทั้งกระทรวงมหาดไทย จะไม่ประกาศเขตพื้นที่ภัยพิบัติในพื้นที่สองลุ่มน้ำ ดังนั้นชาวนาที่ไม่เชื่อฟังและยังดื้อปลูกข้าวนาปรังต้องรับความเสี่ยงเองทั้งหมด อย่าหวังว่าปลูกไปแล้วจะได้รับการช่วยเหลือเหมือนทุกปีที่ผ่านมา



+++ที่ประชุมครม. เห็นชอบ แนวทางและวิธีการจ่ายเงินโครงการชดเชยรายได้แก่เกษตรกรชาวสวนยางไร่ละ 1,000 บาท ครัวเรือนละไม่เกิน 15 ไร่ วงเงิน 8,200 ล้านบาท คุณสมบัติเกษตรกรผู้เข้าร่วมโครงการชดเชยรายได้จะต้องมีสัญชาติไทย และเกษตรกรจะมีสิทธิได้ 1 ครัวเรือนต่อ 1 สิทธิ ตามทะเบียนเกษตรกรต้องเป็นผู้ปลูกยางพาราและเปิดบัญชีเงินฝากไว้กับธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) เกษตรกรสามารถเข้าร่วมโครงการโดยเปิดรับสมัครตั้งแต่วันที่ 1 พฤศจิกายน-15 ธันวาคม  



+++ส่วนการรับสมัครชาวนาขุดลอกคลองชลประทานในวันที่ 2 ในพื้นที่ จ.ชัยนาทของโครงการส่งน้ำและบำรุงรักษาบรมธาตุ ต.ชัยนาท อ.เมืองชัยนาท มีชาวนาที่ให้ความสนใจเดินทางมาสมัครกันจำนวนมากตั้งแต่เวลา 09.00 น. ทั้งหญิงและชายกว่า 200 คน เพื่อหารายได้ชดเชยการหยุดทำนาในฤดูนาปรัง โดยนายเกียรติณรงค์ นาคทิม ผอ.โครงการ ได้ประชุมชี้แจงทำความเข้าใจกับชาวนาว่าการจ้างงานจะเป็นแบบคิดค่าแรงรายวัน วันละ 300 บาท เป็นระยะเวลาประมาณ 2 เดือน และโครงการจะสามารถจ้างงานได้ทั้งหมด 500 อัตรา



++การประชุมคณะกรรมการร่วมภาคเอกชน 3 สถาบัน (กกร.) นายอิสระ ว่องกุศลกิจ ประธานสภาหอการค้าแห่งประเทศไทย ในฐานะประธาน กกร. กล่าวภายหลังว่า ที่ประชุมได้หารือสรุปภาวะเศรษฐกิจล่าสุด พบว่าเศรษฐกิจบางส่วนมีสัญญาณปรับดีขึ้นจากเดือนก่อนเล็กน้อยจากการใช้จ่ายของภาครัฐเพิ่มขึ้นเป็น ร้อยละ65  จากปกติประมาณ ร้อยละ 50  แต่เอกชนยังต้องการให้มีการลงทุนมากขึ้นกว่าเดิม ทั้งนี้ พบว่าการลงทุนภาคเอกชนเองยังคงทรงตัว การนำเข้าเครื่องจักรเพื่อการผลิตยังมีปริมาณที่น้อย ขณะที่ภาคการท่องเที่ยวเริ่มฟื้นตัวขึ้นอย่างช้าๆ คาดว่าช่วง 2 เดือนสุดท้ายของปีการบริโภคของประชาชนจะช่วยให้เศรษฐกิจฟื้นตัวขึ้น คาดว่าการส่งออกปี 2557 จะเติบโตที่ 0 - 0.5% ส่วนอัตราการเติบโตทางเศรษฐกิจจะอยู่ที่ 1-1.5% ส่วนปี 2558 มั่นใจว่าอุตสาหกรรมเครื่องปรับอากาศ อิเล็กทรอนิกส์ อาหาร จะส่งผลให้ภาพรวมการส่งออกขยายตัว



+++ภาษีมรดก นายสมหมาย ภาษี รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง เปิดเผยว่า เตรียมเสนอร่าง พ.ร.บ.ภาษีมรดก เข้าสู่ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ในการประชุมวันที่ 11 พฤศจิกายนนี้ และเสนอต่อสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) ซึ่งคาดว่าจะใช้เวลาพิจารณา 3 วาระประมาณ 3 เดือน ก่อนประกาศใช้กฎหมายในช่วงกลางปี 2558 และมีผลบังคับใช้หลังประกาศในราชกิจจานุเบกษาไปแล้ว 3 เดือนเพื่อให้ผู้ที่เกี่ยวข้องมีเวลา เตรียมตัว



+++สาระสำคัญของภาษีมรดกที่เก็บจากผู้รับ ล่าสุดอัตราจัดเก็บอาจต่ำกว่าร้อยละ 10 จากเดิมเคยเสนออัตราเดียวร้อยละ 10 เป็นการจัดเก็บจากทรัพย์สินที่มีทะเบียนมีมูลค่าเกินว่า 50 ล้านบาทขึ้นไป จะไม่ใช่การเก็บจากบาทแรก และหากผู้รับยังไม่มีเงินมาจ่ายภาษีสามารถผ่อนชำระได้ 2-3 ปี โดยในกฎหมายจะปิดทางการตั้งนอมินีมารับมรดกแทนญาติเพื่อเลี่ยงภาษี และหากโอนก่อนผู้ตายเสียชีวิต 2 ปีต้องเสียภาษีมรดก เพื่อป้องกันการถ่ายโอนทรัพย์สิน เบื้องต้นยกเว้นสำหรับมรดกที่ยกให้สามี-ภรรยา การบริจาคให้สถานศึกษา ซึ่งกฎหมายมรดกนี้จะพูดถึงแค่การรับมรดก ส่วนเรื่องของการรับให้นั้นจะไม่บรรจุใน พ.ร.บ.แต่จะใช้วิธีการแก้ประมวลรัษฎากรที่มีอยู่ให้สอดคล้องกับภาษีการรับมรดกแทน



+++รายงานข่าวจากระทรวงการคลัง เปิดเผยว่า ในการหารือระหว่างนายสมหมาย และคณะกรรม การกฤษฎีกาครั้งล่าสุด ได้มีการพูดถึงการกำหนดอัตราภาษี โดยดูจากลำดับชั้นทายาทตามกฎหมาย แบ่งตามความใกล้ชิดไล่ลำดับกัน คือ 1.ผู้สืบสันดาน หรือ ลูก 2.บิดามารดา 3.พี่น้องร่วมบิดามารดาเดียวกัน 4.พี่น้องร่วมบิดาหรือร่วมมารดาเดียวกัน 5.ปู่ ย่า ตา ยาย 6.ลุง ป้า น้า อา หากเป็นอันดับที่ 1 จะเสียภาษีในอัตราถูกกว่าอันดับที่ 6 และในต่างประเทศใช้แนวทางนี้ในการเก็บภาษีมรดก เพื่อไม่ให้เกิดปัญหาการซอยมรดกออกเป็นกองย่อยๆ เพื่อหลีกเลี่ยงภาษี อย่างไรก็ตาม คงต้องอยู่ที่ ครม.และ สนช.ว่าจะมีความเห็นและสรุปออกมาอย่างไร



++++หลังดำเนินการเรื่องภาษีมรดกแล้ว ช่วงสัปดาห์หน้าได้นัดหารือกับสำนักงานเศรษฐกิจการคลัง (สศค.) เพื่อพิจารณาในเรื่องภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้าง โดยมีแนวคิดจะให้กรมสรรพากรมาเก็บภาษีนี้แทนองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น (อปท.) เนื่องจากการจัดเก็บของท้องถิ่นเกิดปัญหาภาษีรั่วไหลมาก ทำให้อัตราการจัดเก็บภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้างในปัจจุบันที่จัดเก็บในรูปแบบภาษีบำรุงท้องที่ ภาษีโรงเรือนและที่ดิน มีมูลค่าที่จัดเก็บได้ปีละกว่า 2 หมื่นล้านบาท หากกฎหมายจัดทำแล้วเสร็จและมีการจัดเก็บที่ดีจะทำให้ภาษีตรงนี้เพิ่มขึ้นกว่า 5 เท่าหรือคิดเป็นมูลค่ากว่า 1 แสนล้านบาท  



+++ราคาทองคำ ลดลง คนแห่ซื้อ  โดยนักลงทุนและประชาชนทั่วไปนิยมซื้อทองรูปพรรณ และทองคำแท่ง เพื่อเก็บสะสมและลงทุนระยะสั้น เนื่องจากช่วงนี้ราคาทองลดลงมาก โดยราคาซื้อขายทองคำแท่ง 96.5% รับซื้อ 18,000 บาทต่อหนึ่งบาททองคำ ทองรูปพรรณ 96.5% รับซื้อ 17,737 บาทต่อหนึ่งบาททองคำ ขายออก 18,500 บาทต่อหนึ่งบาททองคำ



+++วันนี้ นายเมธี สุภาพงษ์ ผู้ช่วยผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) แถลงผลการประชุมคณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) เวลา 14.00 น. ที่สำนักงานใหญ่ ธปท. โดยคาดว่า กนง.จะมีมติให้คงอัตราดอกเบี้ยนโยบายไว้ที่ ร้ยอละ 2 เหมือนเดิม หลังจากเศรษฐกิจยังฟื้นตัว ค่อนข้างช้า และเงินเฟ้อยังอยู่ในอัตราต่ำ



+++คณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริง บริษัท คราวน์ เทค แอดวานซ์ ผู้จำหน่ายกล่องทีวีดิจิทัลยี่ห้อเอเจดี ซึ่งมีนาย ก่อกิจ ด่านชัยวิจิตร รองเลขาธิการ คณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กสทช.) เป็นประธาน เรียกบริษัท เอเจ เข้าชี้แจงกรณีใช้ที่ทำการของ 2 พรรคการเมืองใหญ่เป็นจุดกระจายสินค้าทั่วประเทศ ซึ่ง กสทช.ไม่อนุญาตให้ดำเนินการในรูปแบบดังกล่าว



+++ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ  รองนายกฯด้านความมั่นคงและ รมว.กลาโหม รายงานว่าศูนย์ปฏิบัติการจังหวัดและอำเภอในทุกจังหวัดได้ดำเนินการกับผู้กระทำไม่เหมาะสมต่อสถาบันฯทั้งทางสื่อและทางบุคคลโดยมีการปิดเว็บไซต์หมิ่นสถาบันฯไปแล้วกว่า 20 เว็บไซต์ และกำลังเร่งดำเนินการในส่วนที่ยังมีการเผยแพร่กันอยู่อย่างต่อเนื่องหากตรวจพบ

ข่าวทั้งหมด

X