วสท.ตรวจสภาพศาลาริมน้ำที่ใกล้ศาลาที่พังถล่ม พบโครงสร้างผุกร่อนเพราะกระแสน้ำกร่อย

การตรวจสอบศาลาริมน้ำวัดเพชรสมุทรวรวิหาร จ.สมุทรสงคราม พังถล่มลงมา รศ.ดร.วัชรินทร์ กาสลัก ผู้เชี่ยวชาญด้านวิศวกรรมโยธาวิศวกรรมสถานแห่งประเทศไทยในพระบรมราชูปถัมภ์ พร้อมด้วย นายนิเวศน์ ล้ำเลิศลักษณชัย นายช่างใหญ่กรมโยธาธิการและผังเมือง เข้าตรวจสอบอาคารศาลาแฝดริมน้ำใกล้เคียงกับจุดเกิดเหตุ เบื้องต้นพบว่า การก่อสร้างศาลาใช้วิธีตอกเสาเข็มลงไปในดินและมีส่วนหนึ่งโผล่ขึ้นมาข้างบน จากนั้นทำคานยึดและก่อสร้างเป็นอาคารคอนกรีตขึ้นมา เดิมสร้างติดกับฝั่ง แต่เนื่องจากดินด้านล่างเกิดการเคลื่อนตัว ส่งผลให้เสาเข็มและอาคารศาลาเคลื่อนตัวจนแยกออกจากฝั่งเล็กน้อย โดยอาคารคอนกรีตมีน้ำหนักมาก เสาเข็มเริ่มเอียงและคอนกรีตที่ห่อหุ้มเหล็กมีรอยแตกร้าว ทำให้เห็นตัวเหล็กข้างในบางจุด ประกอบกับน้ำในแม่น้ำแม่กลองเป็นน้ำกร่อย จึงทำให้เกิดการกัดเซาะและชำรุด อาจเป็นสาเหตุให้ศาลาด้านข้างเกิดการถล่มได้

หลังจากนี้จะต้องประเมินอย่างละเอียดอีกครั้งว่าจะทำการรื้อถอนออกทั้งหมดหรือซ่อมแซม แต่เบื้องต้นต้องหยุดการใช้งานและห้ามประชาชนเข้าไปในอาคารอย่างเด็ดขาด เพราะอาจเกิดเหตุถล่มได้

ด้านนางพรรณี ปั้นบรรรจง ผู้รอดชีวิต เล่าว่า ตนเองเป็นลูกจ้างขายของอยู่ในศาลาที่ถล่มมานานกว่า 30 ปีแล้ว ไม่เห็นถึงความผิดปกติอะไร แต่เมื่อไม่กี่เดือนก่อนเกิดเหตุ สังเกตเห็นว่าทางเข้านั้นเกิดรอยแยกระหว่างพื้นปูนกับศาลา ซึ่งไม่ได้สนใจอะไร ไม่คิดว่ามันถล่ม เพราะเห็นภายนอกเป็นปูนดูแข็งแรง แต่จำได้ว่าศาลาที่ถล่มนั้นแยกจากฝั่งมากกว่าศาลาแฝดที่ยังอยู่  ช่วงเกิดเหตุ มีคนมาทานข้าวในศาลากันหลายคน ตนเองกำลังทำกับข้าวให้ลูกค้าอยู่  ได้ยินเสียงดัง “แก๊ก” ขึ้น แต่ไม่ได้สนใจ  สักพักได้ยินเสียงอีกครั้ง จากนั้นไม่ถึง 1 นาที ศาลาก็ถล่ม สิ่งของทุกอย่างเทกระจายลงแม่น้ำ ซึ่งตนเองก็ร่วงลงไปอยู่ในน้ำ เห็นคนกรีดร้องขอความช่วยเหลือ แต่ตนเองโชคดีที่มีกล่องโฟมลอยมาตรงหน้า จึงคว้ามากอดไว้ เพราะว่ายน้ำไม่เป็น และพยายามตะเกียกตะกายเข้าฝั่ง ก็มีชาวบ้านโยนเชือกมาให้ ก่อนจับไว้และขึ้นฝั่งมาได้อย่างปลอดภัย ยอมรับตอนนี้ยังรู้สึกตกใจมากกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น พร้อมฝากเตือนทุกคนที่จะมาเที่ยวทางน้ำ หากเกิดเหตุการณ์อะไร ขอให้มีสติ และขอขอบคุณเจ้าหน้าที่ทุกหน่วยงานที่เดินทางเข้ามาช่วยเหลือกันเป็นจำนวนมาก

ผู้สื่อข่าว:ธนดา เฉลิมวันเพ็ญ