นายเจนส์ สโตลเตนเบิร์ก เลขาธิการองค์การสนธิสัญญาป้องกันแอตแลนติกเหนือหรือนาโต้ กล่าวว่า แม้ว่าการทำงานของเขาจะมีเป้าหมายสูงสุดคือการให้รัสเซียยังอยู่ในสนธิสัญญากองกำลังอาวุธนิวเคลียร์พิสัยกลาง หรือไอเอ็นเอฟต่อไป แต่จากการที่รัสเซียไม่มีท่าทีว่าจะตอบรับข้อเรียกร้อง ในการทำลายระบบขีปนาวุธพิสัยกลาง SSC-8 ภายในกำหนดเวลาที่วางไว้ในวันที่ 2 สิงหาคมนี้ ซึ่งจะหมายถึงการที่รัสเซียออกจากสนธิสัญญาอย่างสมบูรณ์ เขาจึงเห็นว่าสิ่งที่ควรทำในเวลานี้คือการเตรียมความพร้อมรับมือสถานการณ์ที่รัสเซียจะมีขีปนาวุธอยู่ในครอบครองมากขึ้น นายสโตลเตนเบิร์ก กล่าวด้วยว่า รัสเซียมีการละเมิดสนธิสัญญาอย่างชัดเจน และมีขีดความสามารถในการใช้อาวุธที่สามารถโจมตีเมืองใหญ่ในยุโรปได้ในเวลาไม่ถึงนาที
ทั้งนี้สนธิสัญญาไอเอ็นเอฟ มีการลงนามเมื่อปี 2530 โดยอดีตประธานาธิบดีโรนัลด์ เรแกน ของสหรัฐฯ กับอดีตประธานาธิบดีมิคาอิล กอร์บาชอฟ ผู้นำคนสุดท้ายของสหภาพโซเวียต เพื่อยุติการแข่งขันสะสมหัวรบ ห้ามติดตั้งประจำการขีปนาวุธประเภทยิงจากภาคพื้นดิน ซึ่งมีพิสัยทำการระหว่าง 500 ถึง 5,500 กิโลเมตร แต่ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ผู้นำสหรัฐฯลงนามถอนตัวออกจากข้อตกลงเมื่อเดือนกุมภาพันธ์ของปีนี้ เนื่องจากรัสเซียยังมีการพัฒนาขีปนาวุธ ขณะที่อีกหลายประเทศที่ไม่ได้เป็นภาคีสนธิสัญญาก็ใช้โอกาสนี้พัฒนาโครงการขีปนาวุธของตนเอง จากนั้นประธานาธิบดีวลาดิมีร์ ปูติน ผู้นำรัสเซีย ก็ลงนามถอนตัวออกจากสนธิสัญญาเช่นกัน
...