ความเคลื่อนไหวเมืองไทยวันนี้ วันพฤหัสบดีที่ 18 กรกฎาคม 2562
+++นักท่องเที่ยวชาวออสเตรเลียร้องเรียนกรณีคนขับรถรับจ้างเรียกเก็บค่าโดยสารแพงเกินความเป็นจริง โดยนักท่องเที่ยวชาวออสเตรเลีย 2 คนเดินทางมาถึงท่าอากาศยานจังหวัดภูเก็ต และได้เรียกรถตู้โดยสารเพื่อให้ไปส่งที่โรงแรมที่พัก เมื่อเดินทางถึงที่หมายคนขับรถเรียกค่าบริการ 3,000 บาท ซึ่งเป็นอัตราสูงมากทำให้นักท่องเที่ยวดังกล่าวไปแจ้งความที่สถานีตำรวจพล.ท.วีรชน สุคนธปฎิภาค คณะทำงานนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม รับทราบกรณีนี้ พร้อมย้ำว่า รัฐบาลพยายามใช้ทุกมาตรการเพื่อส่งเสริมการท่องเที่ยว ทำให้ประเทศไทยโดยเฉพาะจังหวัดภูเก็ตเป็นจุดหมายของการท่องเที่ยวที่มีชื่อเสียงลำดับต้นๆของโลก ทำให้นักท่องเที่ยวจำนวนมากเดินทางมาเที่ยวจังหวัดภูเก็ต ส่งผลดีต่อเศรษฐกิจของจังหวัดภูเก็ต ผู้ประกอบการจำนวนมากมีรายได้จากการท่องเที่ยว อย่างไรก็ตามหากยังคงมีพฤติกรรมฉวยโอกาส เอารัดเอาเปรียบนักท่องเที่ยวในลักษณะนี้ นอกจากจะส่งผลลบต่อการท่องเที่ยวของจังหวัดภูเก็ตแล้ว ยังส่งผลลบต่อชื่อเสียงของคนไทยและประเทศไทยอีกด้วย จึงอยากขอร้องให้ผู้ประกอบการช่วยกันดูแลเป็นหูเป็นตา ป้องกันไม่ให้มีเหตุการณ์แบบนี้อีก
+++ทั้งนี้ประเทศไทยนอกจากจะมีสถานที่ท่องเที่ยวที่สวยงามแล้วน้ำใจไมตรีของคนไทย ยังเป็นสิ่งที่คนทั่วโลกชื่นชม ทำให้นักท่องเที่ยวส่วนใหญ่มีความประทับใจ จึงอยากขอร้องให้คนไทยทุกคนร่วมกันเป็นเจ้าบ้านที่ดี ต้อนรับนักท่องเที่ยวที่เดินทางมาเยือนประเทศไทย นอกจากนี้นายกรัฐมนตรียังกำชับให้เจ้าหน้าที่บ้านเมือง คอยสอดส่องดูแลอย่างเข้มงวด เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดเหตุการณ์แบบนี้ขึ้นอีก
+++จากกรณีมีการแชร์ภาพและข้อความในโซเชียลมีเดีย จากกลุ่มเสื้อสีหวังปลุกระดมให้เข้าใจผิดโดยอ้างว่า เป็นคำพูดของ พล.อ.อภิรัชต์ คงสมพงษ์ ผบ.ทบ. โดยพล.อ.อภิรัชต์ยืนยันว่า ไม่เคยพูดคำเหล่านี้เลย สื่อมวลชนที่ตามทำข่าวสัมภาษณ์ จะรู้ดี ส่วนตัวได้งดให้สัมภาษณ์เรื่องการเมืองมาระยะหนึ่งแล้ว ตอนนี้หมดหน้าที่ คสช. ก็ทำงานในฐานะผบ.ทบ.ในการดูแลพัฒนากองทัพ พัฒนากำลังพล การฝึกศึกษา การแก้ปัญหาภาคใต้ การปรับหลักสูตรการฝึกต่างๆ ทำกองทัพให้ทันสมัย มีงานมากมายที่ผมจะทำ ส่วนการอภิปรายฯนายกฯเป็นเรื่องในสภาฯที่มีมาทุกยุคทุกสมัย เป็นกระบวนการทางการเมืองในสภาฯตามระบอบประชาธิปไตยฯคงไม่มีใครห้ามใครได้ อย่าเอาผมเข้าไปเกี่ยวข้อง
เว็บไซต์ของกระทรวงการต่างประเทศสหรัฐอเมริกา ได้เผยแพร่สารของ นายไมค์ ปอมเปโอ รมว.ต่างประเทศ ของ สหรัฐอเมริกา ถึงกรณีรัฐบาลชุดใหม่ของไทย ว่าสหรัฐฯตั้งตารอที่จะได้ร่วมงานกับรัฐบาลที่จัดตั้งขึ้นใหม่ของไทย เพื่อกระชับสัมพันธไมตรีและความร่วมมือระหว่างประเทศของเราทั้งสอง อันจะทำให้มิตรภาพกว่า 200ปีระหว่างประชาชนของเราเจริญงอกงามต่อไป เราสนับสนุนความโปร่งใสและธรรมาภิบาลในทุกประเทศทั่วโลกและจะยังคงทำงานร่วมกับประชาชนชาวไทยและรัฐบาลไทยเพื่อให้บรรลุวัตถุประสงค์ดังกล่าว พันธไมตรีระหว่างสหรัฐฯและไทยแข็งแกร่งเหมือนเช่นที่เคยเป็นมาไม่เปลี่ยนแปลง และเราจะยังคงสนับสนุนประเทศไทยในฐานะผู้นำของภูมิภาค อันรวมถึงการเป็นประธานอาเซียนในปีนี้ ความสัมพันธ์ระหว่างเราจะแน่นแฟ้นมาก ยิ่งขึ้น เมื่อเราร่วมมือกันขับเคลื่อนเป้าหมายที่ทั้ง 2ประเทศมีร่วมกัน อันได้แก่ ความมั่นคง สันติภาพและความเจริญรุ่งเรืองในภูมิภาคอินโด-แปซิฟิกและทั่วโลก
+++พรรคฝ่ายค้านอย่างพรรคเพื่อไทย (พท.) นายสุทิน คลังแสง ส.ส.มหาสารคาม พรรคเพื่อไทยกล่าวว่า คณะกรรมการประสานงานพรรคร่วมฝ่ายค้าน (วิปฝ่ายค้าน) จะหารือในวันที่ 22กรกฎาคม เพื่อพิจารณาและวางกรอบการอภิปรายนโยบายรัฐบาลที่จะแถลงต่อรัฐสภา ส่วนการเตรียมพร้อมของพรรค พท.นั้น ล่าสุดได้เปิดให้ส.ส.ของพรรคที่ต้องการอภิปรายเนื้อหา ยื่นเจตจำนงมายังพรรคจนถึงวันที่ 18 กรกฎาคม จากนั้นระหว่างวันที่ 20-24กรกฎาคม พรรคจะจัดติวเข้มให้กับส.ส.ทั้งเนื้อหาและทักษะการอภิปราย โดยมีแกนนำพรรค อาทิ ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุงและนายอดิศร เพียงเกษ ร่วมติวเข้มด้วย การเปิดประชุมรัฐสภาเพื่อให้รัฐบาลแถลงนโยบายนั้น ฝ่ายค้านขอตัวเลขวันประชุมไว้ 3วันคือ วันที่ 24-26กรกฎาคมและขอเวลาอภิปรายรวม 20ชั่วโมง
+++ พล.ท.ภราดร พัฒนถาบุตร ที่ปรึกษาพรรค พท. กล่าวว่า พรรคจะอภิปราย3หัวข้อใหญ่ที่ผูกโยงกัน คือการต่อรองผลประโยชน์ จึงขาดเอกภาพทางความคิด นโยบายที่ออกมาน่าจะขาดความแหลมคม ลุ่มๆ ดอนๆ ขายผ้าเอาหน้ารอดเท่านั้น ตัวบุคคลคือ นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีบางคนมีคุณสมบัติสีเทา ขัดจริยธรรมและอยู่ระหว่างการตรวจสอบ โดยเฉพาะตัวนายกฯที่อยู่ระหว่างรอศาลรัฐธรรมนูญชี้ขาดว่า เป็นแคนดิเดตนายกฯที่เป็นเจ้าหน้าที่ของรัฐหรือไม่ และประเด็นรัฐธรรมนูญที่บางพรรคใช้เป็นเหตุผลตระบัดสัตย์เข้าร่วมรัฐบาล อ้างว่าเพื่อให้เกิดการแก้ไข หากไม่ปรากฎในนโยบายก็จะเป็นการตระบัดสัตย์ซ้ำซาก ไม่สมควรอาสารับใช้ประชาชนอีกต่อไป
+++นายพรเพชร วิชิตชลชัย ประธานวุฒิสภา กล่าวถึงการนัดประชุมรัฐสภาเพื่อพิจารณาวาระการแถลงนโยบายรัฐบาลของ พล.อ.ประยุทธ์ ว่า ตามที่ประสานกับคณะกรรมการประสานงานพรรคร่วมรัฐบาล(วิปรัฐบาล)และวิปฝ่ายค้าน จะกำหนดวันแถลงนโยบายและอภิปรายวันที่ 25-26กรกฎาคม ซึ่งมองว่าระยะเวลา 2วัน เพียงพอต่อการแถลงและอภิปรายนโยบายของรัฐบาล เพราะหากผู้อภิปรายได้อภิปรายในกรอบของนโยบายรัฐบาลและเสนอแนะเพื่อให้รัฐบาลนำไปปฏิบัติและไม่อภิปรายนอกกรอบ หรือนอกประเด็น ในส่วนของ สว.ยังไม่ได้กำหนดตัวบุคคลที่จะอภิปรายนโยบายด้านต่างๆของรัฐบาล เบื้องต้นคาดว่าจะหารือในสัปดาห์หน้าหลังจากได้รับหนังสือหรือเอกสารว่าด้วยนโยบายของรัฐบาลปลายสัปดาห์นี้
+++นายณัฏฐพล ทีปสุวรรณ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ (รมว.ศธ.) กล่าวว่า เตรียมที่จะรับฟังข้อมูลทุกหน่วยงานเกี่ยวกับแผนการดำเนินงานทั้งหมดของกระทรวงศึกษาธิการ (ศธ.) เพื่อที่จะนำมาวิเคราะห์และต่อยอดพัฒนาให้โครงการต่างๆ ให้ดีขึ้น สำหรับปัญหาที่เกี่ยวข้องกับการศึกษาตนก็จะรับฟัง และให้ความสำคัญกับครูเป็นอันดับหนึ่ง เพราะถือเป็นผู้ที่ถ่ายทอดความรู้ให้แก่เยาวชนของประเทศ ดังนั้นครูจะเป็นหน่วยในการขับเคลื่อนงานการศึกษา ที่สำคัญที่จะเข้าไปดูว่าจะยกระดับอย่างไร โดยต่อยอดจากสิ่งที่เป็นอยู่ และจะช่วยครูแก้ปัญหาต่างๆ อย่างไร ส่วนสิ่งหนึ่งที่คู่ขนานกับครูก็คือหลักสูตรการจัดการเรียนการสอน เนื่องจาก โลกในปัจจุบันมีการเปลี่ยนแปลงไปพอสมควร และการเตรียมเยาวชนไทยให้พร้อมต่อโลกในวันข้างหน้า ความพร้อมของบุคลากรทางการศึกษาให้มีความพร้อมรับความเปลี่ยนแปลงของโลกในอนาคตด้วย ยอมรับความจริงว่าการศึกษาของประเทศไทยไม่ได้ติดอันดับ 1 ใน 10 ของโลก ดังนั้นเราจึงจำเป็นต้องกลับมาดูว่าจะพัฒนาอย่างไรให้ยกระดับคุณภาพการศึกษา ซึ่งคงต้องเริ่มจากการดูแผนการดำเนินงานของ ศธ.
+++ร้อน ๆ นายศรีสุวรรณ จรรยา เลขาธิการสมาคมองค์การพิทักษ์รัฐธรรมนูญไทย โพสต์ข้อความลงในเฟซบุ๊กส่วนตัว ระบุว่า นักการเมืองที่ชอบชักน้ำเข้าลึก...ชักศึกเข้าบ้าน...เดี๋ยวเจอกัน"ผู้ใดกระทำการใดๆเพื่อให้ราชอาณาจักรหรือส่วนหนึ่งส่วนใดของราชอาณาจักรตกไปอยู่ใต้อำนาจอธิปไตยของรัฐต่างประเทศหรือเพื่อให้เอกราชของรัฐเสื่อมเสียไป ต้องระวางโทษประหารชีวิตหรือจำคุกตลอดชีวิต(ปอ.119)" ทั้งนี้ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 119 บัญญัติว่า "ผู้ใดกระทำการใด ๆ เพื่อให้ราชอาณาจักรหรือส่วนหนึ่งส่วนใดของราชอาณาจักรตกไปอยู่ใต้อำนาจอธิปไตยของรัฐต่างประเทศ หรือเพื่อให้เอกราชของรัฐเสื่อมเสียไป ต้องระวางโทษประหารชีวิต หรือจำคุกตลอดชีวิต"
+++อาการป่วยของ นิ้ง-กุลสตรี ศิริพงษ์ปรีดา อายุ 45 ปี อดีตนักแสดงสาวชื่อดัง ได้เข้ารับการรักษาตัวอยู่ที่ รพ. ศิริราชปิยมหาราชการุณย์ หลังมีอาการเส้นเลือดฝอยแตก เขียวช้ำเกือบทั้งตัว โดยไม่ทราบสาเหตุ ต้องรักษาด้วยการปลูกถ่ายสเต็มเซลล์ โดยเจ้าตัวแจ้งความคืบหน้าของอาการป่วยผ่านทางเฟซบุ๊กแฟนเพจว่า อยู่ดี ๆ เส้น เลือดฝอยแตก ทำให้ช้ำเกือบทั้งตัว และกำลังเป็นสีเขียวอ่อนอีกหลายจุด โดยไม่ทราบสาเหตุ จึงเข้าพบแพทย์เพื่อทำการรักษาอาการเบื้องต้นที่ รพ.เอกชนแห่งหนึ่ง เมื่อวันที่ 11 ก.ค. แพทย์เจาะเลือดไปตรวจแล้ว แต่ยังไม่พบสาเหตุของโรค จากการเจาะเลือดเมื่อวันอาทิตย์ที่ 14 ก.ค. พบว่าเกล็ดเลือดลดลง จนต้องให้เกล็ดเลือดเพิ่ม แต่ให้ได้แค่ครึ่งถุง เพราะมีอาการแพ้ ต้องฉีดยาแก้แพ้ และหยุดให้เกล็ดเลือด และให้ยานอนหลับแทน
+++ต่อมาในวันที่ 15 ก.ค. ที่ผ่านมาได้รับเกล็ดเลือดอีกครั้ง จนกระทั่งได้ย้ายมารักษาตัวที่ รพ.ศิริราชปิยมหาราชการุณย์ ได้ตรวจพบว่า เป็นภาวะไขกระดูกในร่างกายไม่สามารถสร้างเกล็ดเลือดได้ด้วยตัวเอง วัดได้ 6,000 จากคนปกติ 150,000 ทำให้รู้สึกวูบง่าย ไม่ค่อยมีแรง เมื่อเป็นแผลเปิด เลือดออกจะหยุดยาก เป็นแผลช้ำตามร่างกายอย่างรุนแรง ต้องรักษาด้วยการปลูกถ่ายสเต็มเซลล์ ซึ่งอาจจะใช้ของตนเองหรือน้อง หรืออาจจะต้องใช้ของผู้ที่นำมาบริจาคผ่านสภากาชาดไทย ในกระบวนการรักษาต้องดำเนินการทั้งหมด 3 ครั้ง (ถ้าแข็งแรงอาจรักษาแค่ 2 ครั้ง) แต่ละครั้งใช้เวลารักษา 2-3 สัปดาห์ โดยในสัปดาห์แรกจะเยี่ยมได้ปกติ แต่สัปดาห์ที่จะได้รับฉีดยาจะขอห้ามเยี่ยม ข้อสำคัญคือต้องระวังการติดเชื้อในช่วงนี้ ซึ่งเป็นผลกระทบที่เกิดขึ้นจากการรักษา