*นายกฯจะลงพื้นที่ช่วยเหลือชาวนา/ขึ้นน้ำมันดีเซล30 สต.

04 พฤศจิกายน 2557, 20:32น.


สรุปข่าว 19.35 น.



+++พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ได้ประสานมายังกระทรวงเกษตรฯ และกระทรวงมหาดไทย เตรียมลงพื้นที่เยี่ยมชาวนาที่ประสบปัญหาภัยแล้ง โดยเฉพาะพื้นที่ลุ่มน้ำเจ้าพระยาและลุ่มน้ำแม่กลอง ในช่วงกลางเดือน พ.ย.นี้ ซึ่งได้ให้กระทรวงมหาดไทย เป็นผู้กำหนดพื้นที่อีกครั้ง อย่างไรก็ตามคาดว่าจะเป็นพื้นที่ทำนาปรัง ที่ได้รับกระทบจากการงดส่งน้ำของกรมชลประทานในช่วงฤดูแล้ง โดยจะลงไปรับฟังปัญหาความเดือดร้อนของเกษตรกร เพื่อให้ความช่วยเหลือด้านต่าง ๆ นอกจากนี้นายกรัฐมนตรี ยังได้สั่งการให้ทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้องกับเรื่องน้ำ ร่วมกันวางมาตรการรับมือกับปัญหาภัยแล้ง เพื่อบรรเทาผลกระทบต่อทุกภาคส่วนที่เกิดขึ้นแน่นอนในปีหน้า



+++นายชวลิต ชูขจร ปลัดกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เปิดเผยว่าหลังจากที่กรมชลประทาน ประกาศงดส่งน้ำทำนาปรัง ตั้งแต่วันที่ 1 พ.ย.57 -30 เม.ย.58 แต่ล่าสุดพบว่ามีชาวนาจำนวนมากเดินหน้าทำนาปรัง กว่า 1 ล้านไร่แล้ว โดยเฉพาะในพื้นที่ลุ่มน้ำเจ้าพระยา ซึ่งมีแนวโน้มว่าจะเสียหายทั้งหมดจากปัญหาภัยแล้งที่จะรุนแรงขึ้นตั้งแต่เดือน ธ.ค.เป็นต้นไป ทั้งนี้รัฐบาลยืนยันชัดเจนว่าจะไม่จ่ายเงินเยียวยาเมื่อเกิดความเสียหายจากภัยแล้ง เพราะได้ประกาศแจ้งเตือนล่วงหน้าก่อนหนึ่งเดือนแล้ว รวมทั้งกระทรวงมหาดไทย จะไม่ประกาศเขตพื้นที่ภัยพิบัติในพื้นที่สองลุ่มน้ำ ดังนั้นชาวนาที่ไม่เชื่อฟังและยังดื้อปลูกข้าวนาปรังต้องรับความเสี่ยงเองทั้งหมด อย่าหวังว่าปลูกไปแล้วจะได้รับการช่วยเหลือเหมือนทุกปีที่ผ่านมา



+++การวิพากษ์วิจารณ์รายการแสดงบัญชีทรัพย์สินของพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี  สำนักข่าวอิศรา www.isranews.org ตรวจสอบพบว่า บริษัท 69 พร็อพเพอร์ตี้ จำกัด มีความเชื่อมโยงกับธุรกิจของกลุ่มนายเจริญ สิริวัฒนภักดี เจ้าของธุรกิจอสังหาริมทรัพย์รายใหญ่และธุรกิจเครื่องดื่ม พร้อมติดต่อไปยัง พ.อ.ประพัฒน์ จันทร์โอชา ตามที่อยู่ที่ พล.อ.ประยุทธ์ แจ้งไว้ในบัญชีแสดงรายการทรัพย์สินและหนี้สินที่ยื่นต่อ ป.ป.ช. พ.อ.ประพัฒน์ ระบุว่า ไม่ทราบข้อมูลเรื่องการซื้อขายที่ดินดังกล่าว ขอให้ไปสอบถามข้อมูลจาก พล.อ.ประยุทธ์ เอง เพราะเป็นผู้รับผิดชอบจัดการเรื่องทั้งหมด โดยเป็นที่ดินมรดก ที่เคยให้เช่าทำนา



+++ที่ประชุมวิป สนช.มีมติให้การประชุม สนช.วันที่ 6 พ.ย.นี้ เพื่อพิจารณาเรื่องถอดถอนนายสมศักดิ์ เกียรติสุรนนท์ อดีตประธานรัฐสภา และนายนิคม ไวยรัชพานิช อดีตประธานวุฒิสภา เป็นการประชุมลับและลงคะแนนลับ ว่าสนช.มีอำนาจรับเรื่องนี้ไว้พิจารณาหรือไม่ ซึ่งจะเปิดให้สมาชิกได้อภิปรายอย่างเต็มที่ โดยเฉพาะประเด็นรัฐธรรมนูญปี 2550 ที่จะสามารถเข้าสู่กระบวนการถอดถอนได้หรือไม่ ทั้งนี้เมื่อที่ประชุมมีมติรับหรือไม่รับ นายพรเพชร วิชิตชลชัย ประธาน สนช. จะทำหน้าที่แถลงชี้แจงเหตุผล  ส่วนที่ นายดิเรก อิงคนินันท์ ประธานศาลฎีกา ทำหนังสือท้วงติงมายังประธาน สนช.ถึงการคัดเลือกนายเมธี ครองแก้ว เป็นกรรมการตุลาการศาลยุติธรรม ผู้ทรงคุณวุฒิ ว่า เรื่องดังกล่าวถือเป็นที่ยุติแล้ว โดยนายพรเพชร จะทำหนังสือถึงประธานศาลฎีกา เพื่อยืนยันว่าคณะกรรมาธิการพิจารณาสรรหาบุคคลเข้าสู่ตำแหน่ง รวมทั้งได้ตรวจสอบคุณสมบัติ และประวัติ ของผู้ได้รับการเสนอชื่ออย่างสมบูรณ์ครบถ้วนแล้ว โดยนายเมธี ไม่มีคุณสมบัติและลักษณะต้องห้ามตามรัฐธรรมนูญบัญญัติไว้ ส่วนคดีที่นายเมธี ถูกฟ้องที่ศาลอาญา ขณะนี้ศาลยังไม่รับฟ้องทั้ง 4 คดี จึงถือว่าคดียังไม่ถึงที่สุด.



+++ศาลนัดอ่านคำพิพากษาคดีหมายเลขดำ อ.2915/2557 ที่พนักงานอัยการฝ่ายคดีอาญา 4 เป็นโจทก์ ยื่นฟ้อง นายอัครเดช (ขอสงวนนาม) อายุ 24 ปี นักศึกษามหาวิทยาลัยเอกชนแห่งหนึ่ง เป็นจำเลย ในความผิดฐานหมิ่นประมาท เบื้องสูง ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 112 และ พ.ร.บ.ว่าด้วยความผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ พ.ศ. 2550 มาตรา 3 และ 14 จำเลยให้การรับสารภาพเป็นประโยชน์แก่การพิจารณา เห็นควรลดโทษกึ่งหนึ่ง คงจำคุกจำเลยทั้งสิ้น 2 ปี 6 เดือน และให้ริบของกลาง ประกอบด้วยซีพียูเครื่องคอมพิวเตอร์ และอินเทอร์เราเตอร์พร้อมอุปกรณ์เชื่อมต่ออีก 1 ชุดด้วย เมื่อพิเคราะห์พฤติการณ์แห่งคดี ประกอบการกระทำของจำเลย เป็นการเหยียดหยามสถาบัน ซึ่งเป็นที่เคารพของประชาชนชาวไทย ทั้งจำเลยกระทำในลักษณะโฆษณา ทำให้ผู้คนทั่วไปสามารถเข้าถึง และพบเห็นข้อความดังกล่าวได้ การกระทำนั้นนับเป็นภัยร้ายแรง จึงไม่มีเหตุสมควรรอการลงโทษ



+++ทิศทางราคาน้ำมันโลกในปีหน้า นายสุกฤตย์ สุรบถโสภณ ประธานกลุ่มอุตสาหกรรมโรงกลั่นน้ำมันปิโตรเลียม สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) เปิดเผย) ว่าทิศทางราคาน้ำมันดิบในตลาดโลกในปี 2015 คาดว่าจะยังคงผันผวนแต่จะทรงตัวอยู่ในระดับสูงกว่าปัจจุบันหลังสหรัฐฯ สามารถผลิตน้ำมันดิบได้สูงอย่างต่อเนื่อง ทำให้ลดการพึ่งพาการนำเข้าน้ำมันดิบลงได้โดยเฉพาะอย่างยิ่งน้ำมันดิบชนิดเบา ซึ่งส่งผลให้น้ำมันดิบจากแอฟริกา ไม่สามารถส่งเข้าสหรัฐฯได้ จึงต้องลดราคาลงเพื่อแข่งขันกับน้ำมันดิบจากกลุ่มโอเปกเพื่อขยายเข้าสู่ตลาดในเอเชียแทน ประกอบกับกลุ่มโอเปกสามารถเพิ่มผลผลิตได้อย่างต่อเนื่องจากซาอุดิอาระเบีย และการกลับมาของลิเบีย อิรัก และอิหร่านที่มีความคืบหน้าในการแก้ปัญหาโครงการนิวเคลียร์ ส่งผลให้ตลาดมีอุปทานน้ำมันค่อนข้างมาก เฉลี่ยราคาน้ำมันในปีหน้าอยู่ที่ 90-95 เหรียญสหรัฐ /บาร์เรล



ด้านปตท.-บางจาก ประกาศปรับขึ้นราคาขายปลีกน้ำมันในประเทศในส่วนของน้ำมันดีเซล 30 สตางค์ มีผลวันพรุ่งนี้ 05.00 น. ส่วนราคาน้ำมันเบนซินและแก๊สโซฮอล์ราคาคงเดิม ดีเซล ราคา 29.69 บาท



+++ดัชนีตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย ปิดตลาด เพิ่มขึ้น 5.97จุด ที่ระดับ 1,585.15 จุด มูลค่าการซื้อขาย 47,501.67 ล้าน



+++คลิปเหตุการณ์การทะเลาะวิวาทระหว่างผู้โดยสารบนขบวนรถไฟฟ้าบีทีเอส เนื่องจากมีคู้รักทอม-ดี้ แสดงพฤติกรรมที่ไม่เหมาะสมท่ามกลางสายตาของคนจำนวนมาก นายสุรพงษ์ เลาหะอัญญา กรรมการและผู้อำนวยการใหญ่ สายปฏิบัติการ บริษัท ระบบขนส่งมวลชนกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) หรือ BTS กล่าวว่า ต้องขอความร่วมมือจากประชาชนที่ใช้บริการรถไฟฟ้าโดยสารของ BTS ทุกท่าน หากพบเห็นพฤติกรรมที่ไม่เหมาะสมเช่นนี้ หรือพฤติกรรมอื่น แจ้งเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องทันที โดยผู้โดยสารสามารถแจ้งได้เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยที่อยู่ในชานชาลา นายสถานี และที่สายด่วน 02-617-6000 โดยระบุรายละเอียดขบวนรถว่า กำลังวิ่งจากที่ไหนไปยังที่ไหน ขบวนที่เท่าไร ซึ่งมีเลขแจ้งอยู่ที่ประตู



+++จากนั้นทางเจ้าหน้าที่จะแจ้งไปยังสถานีต่อไป ให้เจ้าหน้าที่ที่มีอำนาจเกี่ยวข้อง เข้าไปเจรจาพูดคุย ขอร้องให้ผู้ก่อเหตุหยุดพฤติกรรมดังกล่าว หากยังไม่ให้ความร่วมมือทาง BTS จำเป็นต้องให้เจ้าหน้าที่ตำรวจมาเชิญตัวลงจากสถานีรถไฟฟ้าทันที อย่าไปตำหนิเอง เพื่อป้องกันการเกิดเหตุทะเลาะวิวาทและการทำร้ายร่างกาย หลังจากนี้จะขอดูเหตุการณ์อีกสักระยะหนึ่ง หากยังมีผู้โดยสารแสดงพฤติกรรมในทำนองนี้อีก ทางบริษัทฯอาจจำเป็นต้องออกมาตรการมาป้องกัน



+++กลุ่มพันธมิตรเพื่อสันติภาพและประชาธิปไตยในฮ่องกง ซึ่งต่อต้านอ็อกคิวพายเซ็นทรัล ยื่นรายชื่อจำนวน 1.83 ล้านชื่อต่อคณะผู้บริหารเขตปกครองพิเศษฮ่องกง ที่สำนักงานใหญ่ เมื่อช่วงค่ำของวันจันทร์ ตามเวลาท้องถิ่น เพื่อสนับสนุนการสลายการชุมนุมของกลุ่มอ็อกคิวพายเซ็นทรัล ที่ยังคงปักหลักปิดถนนประท้วงในย่านแอดมิแรลตี โดยแคร์รี แลม เลขาธิการของคณะผู้บริหารเขตปกครองพิเศษฮ่องกง เป็นผู้รับมอบรายชื่อดังกล่าว ภายหลังจากกลุ่มดังกล่าว ดำเนินการรวบรวมรายชื่อเป็นเวลา 9 วันด้วยกัน นายโรเบิร์ต โจว์ โฆษกของกลุ่มพันธมิตรฯ ยังระบุด้วยว่า จากรายชื่อที่รวบรวมมาได้สะท้อนให้เห็นว่า ชาวฮ่องกงส่วนใหญ่สนับสนุนการสลายการชุมนุมของเจ้าหน้าที่ตำรวจฮ่องกง และการบังคับใช้กฎหมายต่อกลุ่มผู้ชุมนุม ให้คืนถนนหนสู่พลเมืองของฮ่องกงอย่างแท้จริง



+++ดัชนีนิเกอิตลาดหุ้นโตเกียว ปิดตลาดที่ 16,862.47 จุด เพิ่มขึ้น 448.71 จุด



+++ดัชนีฮั่งเส็งที่ฮ่องกง ปิดตลาดที่ 23,845.66 ลดลง 70.31 จุด 

ข่าวทั้งหมด

X