ทันสถานการณ์โลก ประจำวันพุธที่ 17 กรกฎาคม 2562
+++บีบีซี รายงานว่า นางอูร์ซูลา ฟอน เดอร์ เลเยน รัฐมนตรีกลาโหมของเยอรมนี ได้การรับรองจากรัฐสภายุโรปให้เป็นประธานหญิงคนแรกของคณะกรรมาธิการยุโรปเมื่อวันอังคาร(16ก.ค.) แนวทางสำคัญในการบริหารงานของเธอคือ ตั้งเป้าจะรณรงค์ให้ยุโรปลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ ร้อยละ 45 ภายในปี 2566 นอกจากนี้ เธอจะดำเนินมาตรการต่างๆเพื่อช่วยให้สภาพอากาศของยุโรปปลอดจากก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ภายในปี 2593 พร้อมทั้งจะเสนอให้ธนาคารต่างๆในยุโรปปล่อยเงินกู้สำหรับโครงการพัฒนาไฟฟ้าจากพลังงานหมุนเวียนของภาคเอกชนให้มากขึ้น เพื่อให้มีการพัฒนาสิ่งแวดล้อมอย่างยั่งยืน ในการโหวตในวันนี้ ถ้าส.ส.อย่างน้อย 374 คนจากส.ส.ยุโรปทั้งหมด 747 คน โหวตรับรอง จะทำให้เธอดำรงตำแหน่งประธานคณะกรรมาธิการยุโรปต่อจากนายฌอง-คล็อด ยุงเกอร์ ซึ่งจะครบวาระ 5 ปีในวันที่ 1 พฤศจิกายนนี้ สำหรับนางฟอน เดอร์ เลเยน เป็นนักการเมืองแนวคิดกลาง-ขวา ที่มีความใกล้ชิดกับนายกรัฐมนตรีอังเกลา แมร์เคิล ของเยอรมนี
+++ด้านนางคริสติน ลาการ์ด กรรมการผู้จัดการกองทุนการเงินระหว่างประเทศ (ไอเอ็มเอฟ) แถลงว่า ได้ยื่นใบลาออกเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ระบุมีความชัดเจนมากขึ้นเกี่ยวกับการที่เธอถูกเสนอชื่อเป็นประธานธนาคารกลางยุโรป(อีซีบี) ต่อจาก นายมาริโอ ดรากิ ในวันที่ 31 ตุลาคม
+++ราคาน้ำมันปรับลดในวันจันทร์(15ก.ค.) ปรับลดเล็กน้อย กำลังผลิตในอ่าวเม็กซิโกฟื้นขึ้นมาอีกครั้งหลังพายุผ่านพ้น ส่วนวอลล์สตรีทปิดบวกในกรอบแคบๆท่ามกลางรายงานผลประกอบการบริษัทต่างๆ ขณะที่ทองคำขยับขึ้น
+++ราคาน้ำมันปรับตัวลดลง ในวันอังคาร(16ก.ค.) หลังนายไมค์ พอมเพโอ รัฐมนตรีต่างประเทศสหรัฐฯอ้างว่า อิหร่านพร้อมเข้าสู่โต๊ะเจรจาโครงการขีปนาวุธ คลายความกังวลต่อความตึงเครียดระหว่างอิหร่านกับสหรัฐฯ อย่างไรก็ตามในเวลาต่อว่าไม่นานนักคำกล่าวอ้างของนายพอมเพโอ ถูกปฏิเสธทันควันจากโฆษกคณะผู้แทนอิหร่านประจำสหประชาชาติ ที่โพสต์บนทวิตเตอร์ความว่า ขีปนาวุธของอิหร่านไม่อยู่ในเงื่อนไขการเจรจากับประเทศไหนๆ
+++สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เทกซัส อินเตอร์มีเดียต หรือไลต์สวีตครูด งวดส่งมอบเดือนสิงหาคม ลดลง 1.96 ดอลลาร์ ปิดที่ 57.62 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล ส่วนเบรนต์ลอนดอน งวดส่งมอบเดือนกันยายน ลดลง 2.13 ดอลลาร์ ปิดที่ 64.35 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล ด้านตลาดหุ้นสหรัฐฯในวันอังคาร(16ก.ค.) ปิดลบในกรอบแคบๆ ตามรายงานผลประกอบการที่ผสมผสานของเหล่าสถาบันการเงินต่างๆและความกังวลที่มีต่อข้อมูลด้านการผลิต ซึ่งสวนทางกับข้อมูลการค้าปลีกที่แข็งแกร่งของอเมริกา ดาวโจนส์ ลดลง 23.53 จุด ปิดที่ 27,335.63 จุด
+++สำหรับ ตัวเลขค้าปลีกที่แข็งแกร่งช่วยดันดอลลาร์แข็งค่าขึ้น และปัจจัยนี้เองที่ฉุดให้ราคาทองคำปิดลบเล็กน้อยในวันอังคาร(16ก.ค.) โดยราคาทองคำตลาดโคเม็กซ์ ลดลง 2.30 ดอลลาร์ ปิดที่ 1,411.20 ดอลลาร์ต่อออนซ์
+++หลังเฟซบุ๊ก ยักษ์ใหญ่ด้านสื่อสังคมออนไลน์ของสหรัฐฯ ประกาศเมื่อเดือนก่อนว่าจะตั้งเงินสกุลลิบรา ทำให้เกิดกระแสวิพากษ์วิจารณ์จากหลายฝ่าย รวมทั้งสมาชิกสภาคองเกรสหลายคนของสหรัฐฯ ล่าสุด ซีเอ็นเอ็น รายงานว่า คณะกรรมาธิการด้านกิจการธนาคารของวุฒิสภาสหรัฐฯจะไต่สวนนายเดวิด มาร์คัส ผู้บริหารของเฟซบุ๊ก ที่รับผิดชอบเรื่องการจัดตั้งเงินสกุลลิบรา ซึ่งเป็นเงินดิจิทัลใหม่ สมาชิกหลายคนในคณะกรรมาธิการต้องการจะทราบรายละเอียดต่างๆจากผู้บริหารเฟซบุ๊กโดยตรงและผลกระทบต่างๆทั้งต่อผู้บริโภคและระบบการเงินทั่วโลก และจะสอบถามประเด็นข้อกังวลเรื่องการรักษาข้อมูลส่วนตัวของผู้ใช้เฟซบุ๊ก ซึ่งเป็นปัญหาที่สมาชิกสภาคองเกรสส่วนใหญ่ มีข้อสงสัยหลังมีเรื่องอื้อฉาวเกี่ยวกับเฟซบุ๊กมาหลายครั้ง ซีเอ็นเอ็น คาดว่า นายมาร์คัส จะโน้มน้าวคณะกรรมาธิการฯให้เห็นถึงผลดีต่างๆจากการใช้เงินสกุลดิจิทัลนี้ และความประสงค์ของเฟซบุ๊กที่จะทำงานร่วมกับหน่วยงานดูแลกฎระเบียบ รวมถึงธนาคารกลางของสหรัฐฯ เพื่อที่จะผลักดันการจัดตั้งเงินสกุลใหม่ให้ประสบผลสำเร็จ
+++หลังจากเมื่อปีที่แล้ว ชาวเกาหลีใต้กลุ่มหนึ่ง เป็นโจทก์ยื่นฟ้องคดีแรงงานต่อศาลของเกาหลีใต้ เพื่อเรียกค่าสินไหมทดแทนจากจำเลยคือบริษัทมิตซูบิชิ เฮฟวี อินดัสทรี ของญี่ปุ่น ฐานบังคับแรงงานชาวเกาหลีใต้ให้ทำงานเยี่ยงทาสในยุคสงครามโลกครั้งที่ 2 ล่าสุด โจทก์จะยื่นคำขอต่อศาลให้มีคำสั่งให้กรมบังคับคดีขายทรัพย์สินของบริษัทดังกล่าวที่ถูกอายัดไว้แล้ว รวมทั้งเครื่องหมายการค้าและสิทธิบัตรของบริษัท
+++เมื่อเดือนพฤศจิกายน ปีก่อน ศาลฎีกา เกาหลีใต้ มีคำตัดสินยืนตามศาลอุทธรณ์ของเกาหลีใต้ที่ตัดสินให้บริษัทมิตซูบิชิ เฮฟวี อินดัสทรี ของญี่ปุ่น จ่ายค่าสินไหมทดแทนให้กับฝ่ายโจทก์ หลังไม่เคยติดต่อพูดคุยเรื่องนี้ ทำให้พวกเขาต้องยื่นคำร้องต่อศาลเพื่อให้มีคำสั่งให้ขายทรัพย์สินของบริษัทซึ่งตั้งอยู่ในเกาหลีใต้และถูกอายัดไว้แล้วเพื่อจะได้นำเงินจากการขายทรัพย์สินดังกล่าวมาแบ่งเฉลี่ยให้กับกลุ่มผู้เสียหาย
+++ซีเอ็นเอ็น รายงานว่า กระทรวงสาธารณสุขของฟิลิปปินส์ได้ประกาศเฝ้าระวังโรคไข้เลือดออกทั่วประเทศ หลังจากมีคนเสียชีวิตแล้ว 456 ศพ นับตั้งแต่เดือนมกราคม ในช่วง 6 เดือนแรกของปีนี้ มีคนไข้ที่ป่วยจากโรคไข้เลือดออกราว 100,000 คนทั่วประเทศ หรือเพิ่มขึ้นร้อยละ 85 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน ก่อนหน้านี้ ทางการฟิลิปปินส์ ประกาศพื้นที่เฝ้าระวังโรคไข้เลือดใน 4 เขตปกครอง คือ มีมาโรปา,วิซายาสตะวันตก,เซนทรัลวิซายาส และมินดาเนาเหนือ ซึ่งมีประชากรรวมกว่า 20 ล้านคนหรือร้อยละ 20 ของประชากรทั้งหมดของฟิลิปปินส์ ซึ่งเป็นพื้นที่ที่พบการเสียชีวิตจากโรคไข้เลือดออกมากที่สุด แต่เจ้าหน้าที่สาธารณสุขของฟิลิปปินส์ตั้งข้อสังเกตว่า ที่ผ่านมาการแพร่ระบาดของโรคไข้เลือดออกยังจำกัดอยู่ในบางพื้นที่เท่านั้น ยังไม่แพร่ระบาดไปทั่วประเทศ