ในระหว่างวันที่ 7-10 กรกฎาคมที่ผ่านมา น.ส.ชุติมา บุณยประภัศร รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพาณิชย์ เดินทางเยือนอินเดีย ในฐานะที่ประเทศไทยเป็นประธานอาเซียน เพื่อเจรจาจัดทำความตกลงหุ้นส่วนทางเศรษฐกิจระดับภูมิภาค หรือ อาร์เซ็ป ระหว่างอาเซียนและคู่เจรจา 6 ประเทศ ได้แก่ จีน อินเดีย ญี่ปุ่น เกาหลีใต้ ออสเตรเลีย และนิวซีแลนด์ โดยมีเป้าหมายคือการผลักดันให้การเจรจาสำเร็จภายในปีนี้ตามเป้าหมายของผู้นำทั้ง 16 ชาติ แต่อินเดียระบุว่าแม้จะต้องการให้การเจรจาจบลงให้ได้ตามเป้าหมาย แต่การเปิดตลาดสินค้าและบริการยังไม่สมดุลกัน อินเดียต้องระมัดระวังในการเปิดตลาดสินค้า โดยเฉพาะกับประเทศที่อินเดียยังไม่มีความตกลงการค้าเสรี หรือ เอฟทีเอ เช่น จีน ญี่ปุ่น ออสเตรเลีย นิวซีแลนด์
ส่วนเรื่องค่าแรง นายสุทธิ สุโกศล ปลัดกระทรวงแรงงาน ในฐานะประธานคณะกรรมการค่าจ้างเปิดเผยว่าในเร็วๆ นี้ จะมีการประชุมบอร์ดค่าจ้างเพื่อพิจารณาอัตราค่าจ้างขั้นต่ำ ซึ่งจะดำเนินการควบคู่ไปกับการจัดทำค่าจ้างตามมาตรฐานฝีมือแรงงาน ซึ่งจะมีการปรับปรุงให้ทันต่อสถานการณ์โลก
นายสมพร ขวัญเนตร ประธานคณะกรรมการสมานฉันท์แรงงานไทย เปิดเผยว่า การพิจารณาค่าจ้างจะแยกเป็น 2 ประเด็น คือ อัตราค่าจ้างขั้นต่ำประจำปี ซึ่งเป็นการพิจารณาของไตรภาคี ประกอบด้วยตัวแทนฝ่ายนายจ้าง ลูกจ้าง และรัฐบาล ซึ่งจนถึงขณะนี้ยังไม่ได้ข้อสรุปว่าปีนี้จะประกาศขึ้นในอัตราเท่าใด กับอีกประเด็นคือการปรับอัตราค่าจ้างตามมาตรฐานฝีมือแรงงาน เพื่อให้สถานประกอบการหรือนายจ้างถือปฏิบัติให้เป็นมาตรฐานเดียวกัน
ด้านการใช้งานสื่ออินเทอร์เน็ต น.อ.สมศักดิ์ ขาวสุวรรณ์ รองปลัดกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม หรือ ดีอี ในฐานะโฆษกกระทรวง เปิดเผยว่า ปัจจุบันมีผู้ใช้อินเทอร์เน็ตผ่านโทรศัพท์ สมาร์ทโฟนสูงถึงร้อยละ 180 ของประชากร และมีการใช้สื่อสังคมออนไลน์สูงมาก โดยมีผู้ใช้งานเฟซบุ๊ก มากกว่า 54 ล้านคน ตามมาด้วยไลน์ 42 ล้านคน และทวิตเตอร์ 12 ล้านคน ซึ่งพบการใช้งานที่สุ่มเสี่ยงที่จะเกิดความขัดแย้งต่อกฎหมายในหลายกรณี ไม่ว่าจะเป็นการหมิ่นประมาท การคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล และกฎหมายด้านทรัพย์สินทางปัญญา จึงต้องมีการหามาตรการ แนวทางในการพัฒนาการใช้สื่อสังคมออนไลน์อย่างมีคุณภาพ และมีความรับผิดชอบต่อสังคม พร้อมเร่งสร้างความเข้าใจผู้ให้บริการให้เข้าใจบริบทของสังคมไทย และสร้างความร่วมมือในการแก้ไขปัญหาร่วมกัน
สำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติ หรือ สทนช. คาดการณ์ว่าสถานการณ์ฝนภาพรวมของประเทศจะลดลง และยังมีการติดตามปริมาณฝนสะสม 15 วัน เพื่อวิเคราะห์พื้นที่เสี่ยงขาดแคลนน้ำและเฝ้าระวังสถานการณ์แล้ง โดยในวันนี้ สทนช.ภาค 3 จะมีการประชุมหารือที่ศาลากลางจังหวัดบุรีรัมย์ จากนั้นในวันที่ 18 กรกฎาคมนี้ จะมีการรายงานการวิเคราะห์น้ำที่ไหลเข้าอ่างโดยใช้คาดการณ์ฝนใหม่ สภาพฝนที่ผ่านมาและคาดการณ์ในช่วงฤดูฝนที่เหลือ พร้อมปรับแผนการระบายน้ำให้สอดคล้องกับพื้นที่เพาะปลูกและน้ำต้นทุน รวมทั้งให้ทบทวนการคาดการณ์ปริมาณน้ำต้นทุนแหล่งน้ำขนาดใหญ่และขนาดกลาง เมื่อสิ้นสุดฤดูฝนอีกครั้งเพื่อประเมินปริมาณน้ำให้สามารถวางแผนจัดสรรน้ำให้กับภาคส่วนต่างๆ ในฤดูแล้งปี 2562-2563
อาชญากรรมวันนี้
ที่กองบัญชาการตำรวจปราบปรามยาเสพติด ถนนวิภาวดีรังสิต เวลา 10.00 น. พล.ต.อ.เฉลิมเกียรติ ศรีวรขาน รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ แถลงผลการจับกุมผู้ค้ายาเสพติดรายสำคัญหลายราย ที่น่าสนใจคือการจับกุมและตรวจยึดไอซ์ ประมาณ 460 กิโลกรัมแล้วขยายผลออกหมายจับนักการเมืองท้องถิ่น จังหวัดนราธิวาส
ที่กองบังคับการปราบปราม ถ.พหลโยธิน เวลา 10.00 น. ทนายรณณรงค์ แก้วเพ็ชร์ ประธานเครือข่ายรณรงค์ทวงคืนความยุติธรรมในสังคม พร้อมบิดาของผู้เสียชีวิตซึ่งเป็นเด็กชายอายุ 14 ปี เสียชีวิตเมื่อวันที่ 24 กุมภาพันธ์ 2561 พื้นที่ สภ.อ.ธวัชบุรี จังหวัดร้อยเอ็ด แต่เมื่อเดือนที่แล้วทางท้องที่สรุปว่าเป็นการเสียชีวิตจากอุบัติเหตุ แต่ครอบครัวยังติดใจสาเหตุการตาย จึงมาร้องขอให้มีการรื้อฟื้นการสอบสวนคดี เนื่องจากสภาพที่พบศพที่ผิดธรรมชาติ และคลิปจากกล้องวงจรปิดเป็นหลักฐานเรื่องการอำพรางที่เกิดเหตุ
ที่กรมสอบสวนคดีพิเศษ ถ.แจ้งวัฒนะ เวลา 10.00 น. กลุ่มผู้เสียหายที่ถูกหลอกให้ร่วมทำธุรกิจจำหน่ายสุรา สร้างความสูญเสียไปมากกว่า 100 ล้านบาท จะเดินทางเข้าร้องเรียนต่ออธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ
อีกคดีที่กรมสอบสวนคดีพิเศษ เวลาเดียวกัน กลุ่มผู้เสียหาย 70-80 คน จะเดินทางไปแจ้งความและมอบหลักฐานดำเนินคดี น.ส.ธนิดา พรมภิชัย หรือคาเมล อายุ 28 ปี ชาวกทม. ซึ่งถูกกองปราบปรามจับกุมตามหมายจับศาลจังหวัดพระโขนง ข้อหาฉ้อโกง เมื่อต้นเดือนนี้ จากการหลอกลวงให้ลงทุนทำบริษัทหลายอย่างจนเสียหายกว่า 50 ล้านบาท แต่ปรากฏว่าบริษัทของน.ส.ธนิดา ยังคงเปิดทำการอยู่
วันนี้ยังติดตามเหตุรุนแรงกรณีที่มีเหตุทำร้ายร่างกายจนมีผู้เสียชีวิตในพื้นที่ สน.มีนบุรี ผู้เสียชีวิตคือนายพรชัย ดีเสือ อายุ 35 ปี ซึ่งเป็นคนงานที่บ้านนายผดุง ทรงแสง หรือแจ๊ส ชวนชื่น ดาราตลกชื่อดัง ส่วนผู้ก่อเหตุคือนายเสฎฐวุฒิ จิรัฐยารังษี อายุ 36 ปี ซึ่งอยู่บ้านติดกับบ้านของนายผดุง ซึ่งหลังจากที่ก่อเหตุก็หลบหนีไป จากนั้นพนักงานสอบสวนขอศาลอนุมัติออกหมายจับผู้ก่อเหตุ และตรวจสอบประวัติพบว่านายเสฎฐวุฒิอยู่ระหว่างหลบหนีหมายจับศาลจังหวัดมีนบุรีในคดียาเสพติด ซึ่งเมื่อคืนนี้ นายเสฎฐวุฒิได้เข้ามอบตัวแล้ว
ก่อนหน้านี้นายผดุงพร้อมทนายความได้เข้าให้ปากคำต่อพนักงานสอบสวน ระบุว่ามีความกังวลว่าครอบครัวจะไม่มีความปลอดภัย เพราะผู้ก่อเหตุมีอารมณ์โมโหร้าย เคยทะเลาะกันบ่อยครั้ง และผู้ก่อเหตุเคยยิงปืนขู่ขึ้นฟ้า นอกจากนี้ในระหว่างที่ก่อเหตุยังมีญาติคนร้ายมาดูและช่วยกันนำร่างนายพรชัยไปไว้ใกล้กับรถตู้ที่หน้าบ้านนายผดุง ทั้งพยายามขว้างระเบิดขวดใส่รถที่มีคนงานคนอื่นอยู่ในรถด้วย
...