ทันสถานการณ์โลก 06.30 น. 11 กรกฎาคม 2562

11 กรกฎาคม 2562, 05:17น.


นายกรัฐมนตรีอังเกลา แมร์เคิล ของเยอรมนี มีอาการตัวสั่นอีกครั้ง ระหว่างที่เธอพบกับนายกรัฐมนตรีอันต์ตี รินเน ของฟินแลนด์ ที่กำลังเดินทางเยือนกรุงเบอร์ลิน โฆษกรัฐบาลเยอรมนี แถลงว่า ผู้นำเยอรมนี มีสุขภาพปกติดี นางแมร์เคิล ยืนตัวโยกไปมาในขณะที่เธอยืนอยู่กลางแจ้งและดูเธออึดอัดในขณะเข้าร่วมในพิธีตรวจทหารกองเกียรติยศ ซึ่งเป็นพิธีที่จัดขึ้นเพื่อต้อนรับการเดินทางมาเยือนของนายกรัฐมนตรีฟินแลนด์ โฆษกรัฐบาลเยอรมนี กล่าวว่า นางแมร์เคิลพบหารือกับผู้นำฟินแลนด์ตามกำหนดการเป็นปกติ  นางแมร์เคิล กล่าวในเวลาต่อมาว่า เธอเป็นปกติดีและประชาชนไม่ต้องเป็นห่วงหรือกังวล เธอยังมีสุขภาพแข็งแรงดีพอที่จะบริหารประเทศต่อไป นางแมร์เคิล วัย 64 ปี ไม่มีประวัติเรื่องอาการป่วยรุนแรง แม้ว่า การยืนตัวสั่นของเธอ 2 ครั้งก่อนหน้านี้ที่เกิดขึ้นเมื่อเดือนที่แล้ว จะทำให้สื่อมวลชนเริ่มคาดเดาไปต่าง ๆ นานา เมื่อวันที่ 18 มิถุนายน เธอยืนตัวสั่นระหว่างที่พบกับประธานาธิบดีโวโลดีมีร์ เซเลนสกี ของยูเครนที่เดินทางมาเยือนเยอรมนี แต่เธอกล่าวในภายหลังว่า เธอรู้สึกดีขึ้นเมื่อได้ดื่มน้ำ หลังจากนั้นในวันที่ 27 มิถุนายน เธอก็มีอาการตัวสั่นอีกครั้งระหว่างที่ร่วมงานต้อนรับรัฐมนตรียุติธรรมคนใหม่ ร่วมกับประธานาธิบดีฟรังก์-วัลเทอร์ ชไตน์ไมเออร์ ในกรุงเบอร์ลิน แต่โฆษกของเธอยืนยันว่าเธอไม่เป็นไร



นายคิม แดร์รอค เอกอัครราชทูตอังกฤษประจำสหรัฐฯ ลาออกจากตำแหน่งแล้ว หลังจากทำให้ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ของสหรัฐฯไม่พอใจ เนื่องจากเขากล่าวในบันทึกลับของสถานทูตที่เกิดรั่วไหลว่า ผู้นำสหรัฐฯไร้ความสามารถ นายแดร์รอค กล่าวในจดหมายลาออกที่ส่งไปถึงกระทรวงต่างประเทศอังกฤษว่า เหตุอื้อฉาวที่เกิดขึ้นทำให้เขาไม่สามารถปฎิบัติหน้าที่เป็นตัวแทนในการดูแลผลประโยชน์ของอังกฤษในสหรัฐฯได้อีกต่อไป ตั้งแต่เอกสารลับที่สถานทูตส่งกลับไปยังรัฐบาลอังกฤษเกิดรั่วไหลจากสถานทูต ก็มีการคาดเดาเกี่ยวกับการทำหน้าที่ของเขา และเขาต้องการที่จะยุติกระแสคาดเดาเหล่านี้ จึงขอลาออกเพื่อเปิดทางให้มีการแต่งตั้งทูตอังกฤษประจำสหรัฐฯคนใหม่ นายกรัฐมนตรีเทเรซา เมย์ ชองอังกฤษ กล่าวต่อรัฐสภาในเวลาต่อมาว่า คำวิพากษ์วิจารณ์ตำหนิที่นายแดร์รอค ต้องเผชิญนั้น ถือเป็นเรื่องไม่เป็นธรรมและไม่เป็นความจริง เธอกล่าวด้วยว่า นายแดร์รอคทำหน้าที่ได้อย่างสมเกียรติและทำหน้าที่ได้เป็นอย่างดีให้กับประเทศ ซึ่งสมควรจะได้รับคำขอบคุณ



กองกำลังความมั่นคงฟิลิปปินส์ ยืนยันว่า ชาวฟิลิปปินส์อย่างน้อยหนึ่งคนก่อเหตุระเบิดฆ่าตัวตายเมื่อเดือนก่อน นับเป็นครั้งแรกที่เกิดเหตุแบบนี้ขึ้นในฟิลิปปินส์ โฆษกกองทัพ แถลงว่า ชาวฟิลิปปินส์ชื่อนายนอร์แมน ลาซูกา อีกคนยังไม่สามารถระบุตัวได้ ทั้งคู่ระเบิดตัวเองหน้าค่ายทหารบนเกาะโฮโล ทางใต้ของฟิลิปปินส์เมื่อวันที่ 28 มิถุนายน ทำให้ทหาร 3 นาย และพลเรือน 2 คน เสียชีวิต ด้านโฆษกตำรวจแห่งชาติ กล่าวว่า เป็นฝีมือของกลุ่มอาบูเซยาฟ บนเกาะดังกล่าวที่มักวางระเบิดและลักพาตัว ส่วนที่กลุ่มรัฐอิสลาม หรือไอเอส อ้างว่าเป็นคนทำนั้น ก็ความเป็นไปได้และต้องตรวจสอบต่อไป ทางการฟิลิปปินส์เปิดเผยว่า ผลการตรวจดีเอ็นเอศพหนึ่งตรงกับมารดาและพี่น้องของนายลาซูกา ซึ่งเป็นกลุ่มชาติพันธุ์มุสลิมบนเกาะนี้ ส่วนอีกศพเจ้าหน้าที่พยายามหาทางระบุตัวอยู่ โฆษกกองทัพ ระบุว่า คนร้ายมักก่อเหตุด้วยการใช้ระเบิดแสวงเครื่องควบคุมระยะไกล แต่ครั้งนี้คนร้ายใช้การระเบิดฆ่าตัวตาย กองกำลังความมั่นคงจะต้องปรับเทคนิคและวิธีการรับมือกับเหตุร้ายในอนาคต แม้คิดว่ากรณีนี้เป็นการกระทำเดี่ยว ๆ แต่ก็สะท้อนว่าบรรยากาศความปลอดภัยในฟิลิปปินส์เปลี่ยนไปแล้ว ประชาชนจะต้องช่วยทางการรับมือกับภัยคุกคามแบบใหม่นี้ อย่าให้มีคนถูกกลุ่มก่อการร้ายล้างสมอง



รัฐเนวาดา สหรัฐฯ ระบุในแถลงการณ์ว่า เจ้าหน้าที่ท้องถิ่นในรัฐเนวาดา อยู่ระหว่างการสอบสวนกรณีชายวัย 56 ปีคนหนึ่งในเมืองพาห์รัมป์ เสียชีวิตในสภาพถูกรถรุ่น SUV ของเขาทับเสียชีวิต เพื่อดูว่ากรณีนี้มีความเชื่อมโยงกับเหตุแผ่นดินไหวแถบตอนใต้ของรัฐแคลิฟอร์เนียเมื่อเวลา 10.30 น.ของวันพฤหัสบดีที่แล้ว หรือไม่ ก่อนหน้านี้ ญาติของชายคนดังกล่าว แจ้งกับเจ้าหน้าที่ท้องถิ่นว่าชายคนนี้ สูญหายมาแล้ว 6 วัน จึงเข้าไปที่บ้านและพบว่าเสียชีวิตอยู่ใต้ท้องรถ เบื้องต้น ตำรวจสันนิษฐานว่าขณะชายคนนี้ทำการซ่อมรถอยู่ใต้ท้องรถ ปรากฏว่าเกิดเหตุแผ่นดินไหว เป็นเหตุให้รถไหลลงจากแม่แรงสำหรับใช้ยกตัวถังรถลงมาทับเขาเสียชีวิตในที่เกิดเหตุ



มูลนิธิอนุรักษ์กวางเมืองนาราทางภาคตะวันตกของญี่ปุ่น เปิดเผยว่า กวางของสวนกวางเมืองนาราตาย 9 ตัวนับตั้งแต่เดือนมีนาคม หลังกลืนกินถุงพลาสติก สำหรับสวนกวางเมืองนารา มีกวางกว่า 1,000 ตัว และนักท่องเที่ยวสามารถให้อาหารกวาง โดยซื้อขนมเซ็มเบ้ หรือขนมข้าวกรอบซึ่งไม่มีส่วนผสมน้ำตาล จากร้านค้าต่างๆใกล้กับสวนกวาง โดยปกติขนมเซ็มเบ้จะไม่ได้บรรจุอยู่ในถุงพลาสติก แต่นักท่องเที่ยวนิยมซื้อขนมเซ็มเบ้จากร้านค้า แล้วใช้ถุงพลาสติกหิ้วขนมไปให้อาหารกวาง สัตวแพทย์ ริเอะ มารุโกะ  ประจำสวนกวางเมืองนารา สันนิษฐานว่ากวางอาจจะเคี้ยวถุงพลาสติกไปพร้อมกับอาหาร สัตวแพทย์ได้ตรวจพบขยะถุงพลาสติก รวมถึงถุงขนมเซ็มเบในท้องกวางที่ตาย ปริมาณมากที่สุดคือ 4.3 กิโลกรัม ขยะพลาสติกเป็นวัตถุที่ไม่อาจจะย่อยทางระบบการย่อยอาหารของกวาง ส่งผลให้เกิดภาวะขาดอาหาร อ่อนแอ และซูบผอมเรื่อยๆจนกระทั่งตาย



CR:BBC



 

ข่าวทั้งหมด

X