*เมืองไทยวันนี้ 7.30 น.*

ในวันนี้ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี เป็นประธานการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) มีวาระสำคัญ อาทิ กรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) จะเสนอแต่งตั้งคณะกรรมการคดีพิเศษ (กคพ.) มีนายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี เป็นประธาน นอกจากนั้นจะพิจารณาวิธีการจ่ายเงินโครงการชดเชยรายได้เกษตรกรชาวสวนยาง 1,000 บาท/ไร่ และไม่เกิน 15 ไร่หรือไม่เกิน 15,000 บาท/ครัวเรือนรวมวงเงิน 8,500 ล้านบาท รวมถึงพิจารณาอนุมัติวงเงินชดเชยดอกเบี้ยสำหรับผู้ประกอบการค้าข้าวสำหรับการเก็บรักษาข้าว ปี2557/2558 เพิ่มเติม

จากนั้น ครม.จะประชุมร่วมกับคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) เพื่อพิจารณาเลือกกรรมาธิการยกร่างรัฐธรรมนูญจำนวน 11 คน แบ่งเป็นสัดส่วนครม. 5 คน และสัดส่วน คสช. 6 คน

ด้านพล.อ.เลิศรัตน์ รัตนวานิช สมาชิกสภาปฏิรูปแห่งชาติ (สปช.) ในฐานะกมธ.ยกร่างรัฐธรรมนูญ เปิดเผยว่า วันที่ 4-10 พ.ย. จะเข้าสู่กระบวนการให้สมาชิกแสดงความจำนงสมัครเป็น กมธ.คณะต่างๆ จากนั้นในวันที่ 10 พฤศจิกายน จะเปิดประชุมสปช.เพื่อรับทราบผลการบรรจุสปช.เข้าเป็นกมธ.แต่ละคณะและสามารถเริ่มทำงานได้ทันที โดยภารกิจเร่งด่วนที่กมธ.แต่ละคณะ ต้องทำให้เสร็จภายใน 10 ธันวาคม คือการส่งความเห็นเรื่องการปฏิรูปในแต่ละด้านให้ที่ประชุม สปช.พิจารณา และภายในวันที่ 19 ธันวาคม ต้องนำแนวทางการปฏิรูปด้านต่างๆ ส่งให้กมธ.ยกร่างรัฐธรรมนูญพิจารณาต่อไป

ในการประชุม สปช.พิจารณาตั้ง กมธ.เพื่อการปฏิรูป จำนวน 18 คณะ เบื้องต้นจะให้ วิปสปช. คัดเลือกผู้เข้ารับการสรรหาเป็นกมธ.แต่ละคณะๆ ละ 7- 8 คน หรือรวมจำนวนทั้งสิ้น 100 คน โดยได้เพิ่ม กมธ.อีก 1 คณะ คือ กมธ.ปฏิรูปการคุ้มครองผู้บริโภคทำให้มียอดรวม 18 คณะ แต่ละคณะจะมีสมาชิก ไม่น้อยกว่า 13 คน แต่ไม่เกิน 27 คน นอกจากนั้นให้สมาชิก เป็นกมธ. ได้ไม่เกิน 2 คณะ แต่หากบุคคลนั้นดำรงตำแหน่งประธานกมธ.ปฏิรูป ให้เป็นกมธ.เพียง 1 คณะ

ด้านนายพิชิต ชื่นบาน ที่ปรึกษากฎหมายนางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี เปิดเผยถึงผลการประชุมร่วมกับคณะทำงานที่จะนำเรื่องเสนอต่อนางสาวยิ่งลักษณ์ เพื่อจัดทำเป็นคำคัดค้านคำสั่งประธานสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) เรื่องนำสำนวนคดีถอดถอนนางสาวยิ่งลักษณ์ เข้าวาระการประชุมสนช.นัดพิเศษในวันที่ 12 พฤศจิกายนนี้ โดยมีประเด็นข้อเท็จจริงและข้อกฎหมายหลายประเด็นรวมถึงความเป็นนายกรัฐมนตรีของนางสาวยิ่งลักษณ์ สิ้นสุดลงแล้ว จึงไม่ใช่ผู้ดำรงตำแหน่งตามมาตรา 58 ของพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริตพฤติมิชอบแห่งชาติ พ.ศ.2542 

นายพรเพชร วิชิตชลชัย ประธาน สนช. ยืนยันว่า ทำงานเพื่อประโยชน์ของประเทศชาติ หากจะทำให้เกิดความไม่พอใจกับบางฝ่ายก็ต้องขออภัยด้วย เพราะคงทำให้ถูกใจทุกคนไม่ได้

ด้าน นายสมชาย แสวงการ สนช. กล่าวถึงการประชุมเพื่อพิจารณาสำนวนถอดถอนนายนิคม ไวยรัชพานิช อดีตประธานวุฒิสภา และนายสมศักดิ์ เกียรติสุรนนท์ อดีตประธานรัฐสภา ในวันที่ 6 พฤศจิกายนนี้ ว่า สนช.ซึ่งทำหน้าที่วุฒิสภาจะพิจารณาเป็นอย่างอื่นไม่ได้ นอกจากรับไว้พิจารณาเท่านั้น ส่วนสำนวนการถอดถอนนางสาวยิ่งลักษณ์ ขณะนี้อยู่ในขั้นตอนตามกระบวนการถอดถอนคือให้ผู้ที่ถูกกล่าวหาชี้แจงก่อนที่ สนช.จะพิจารณาข้อเท็จจริงและข้อกฎหมายเพื่อลงมติต่อไป

ที่ประชุมคณะกรรมการขับเคลื่อนการแก้ไขปัญหาจังหวัดชายแดนภาคใต้ (คปต.) เมื่อวานนี้ เห็นชอบในหลักการ การจัดตั้งกรมทหารพรานนาวิกโยธิน กองทัพเรือ 1 กรม มีกำลังพล 1,622 อัตรา แบ่งเป็น 16 กองร้อยทหารพราน และ 1 หมวดทหารพรานนาวิกโยธินหญิง โดยจะใช้ระยะเวลาจัดตั้ง 2 ปี และใช้งบประมาณดำเนินการกว่า 1,700 ล้านบาท เพื่อลดการใช้กำลังรบหลัก ส่วนแผนปฏิบัติการการแก้ไขปัญหา และพัฒนาจังหวัดชายแดนภาคใต้ ของ 7 กลุ่มงาน 55 หน่วยงาน 121 แผนงาน ประจำปีงบประมาณ 2558 ที่ประชุมเห็นชอบในการประมาณรายจ่ายไตรมาสแรก จำนวนกว่า 7,786 ล้านบาท และเตรียมเสนอการจัดทำงบระมาณเสนอให้คณะรัฐมนตรี (ครม.) พิจารณาเห็นชอบต่อไป นอกจากนี้ ยังรับทราบการสนับสนุนอาวุธประจำกาย ปืนเล็กยาวแบบ 11 หรือ เอชเค 33 จำนวน 2,700 กระบอก โดยกองทัพบกจะมอบให้กับกระทรวงมหาดไทยนำไปให้สมาชิกกองอาสารักษาดินแดน (อส.) ในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ ส่วนปัญหาขาดแคลนกำลังพลของตำรวจในพื้นที่ จำนวน 2,000 อัตรานั้นได้แบ่งเป็นรับสมัครจากผู้ที่มีภูมิลำเนาในพื้นที่ 14 จังหวัดภาคใต้ และจากพื้นที่อื่นทั่วประเทศ อย่างละจำนวน 1,000 อัตรา ซึ่งจะดำเนินการให้แล้วเสร็จภายในเดือนมิถุนายน 2558 และต้องมีการจัดฝึกอบรมแบบพิเศษก่อนปฏิบัติหน้าที่

ส่วนกระทรวงพลังงาน เตรียมเสนอแนวทางการปรับโครงสร้างราคาน้ำมันและก๊าซต่อคณะกรรมการนโยบายพลังงานแห่งชาติ (กพช.) ในเดือนพฤศจิกายน 2557 ตามเงื่อนไขที่ระบุว่าจะปรับโครงสร้างเมื่อสถานะกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงเริ่มเป็นบวก แต่การปรับภาษีไม่มีผลต่อราคาน้ำมันหน้าปั๊ม เนื่องจากราคาน้ำมันในตลาดโลกอยู่ในช่วงลดลงและเป็นการโยกเงินกองทุนน้ำมันฯ ไปไว้กับภาษีแทน โดยเบื้องต้นจะเตรียมปรับขึ้นแอลพีจีอีก 50 สตางต์ต่อกิโลกรัม ในเดือนพฤศจิกายน 2557 จากปัจจุบันราคาอยู่ที่ 22.63 บาทต่อกก. ซึ่งจะทำให้ราคาแอลพีจีขยับขึ้นไปอยู่ที่ 23.13 บาทต่อกก. ภายใต้กรอบของคณะกรรมการบริหารนโยบายพลังงาน (กบง.) ที่มีอำนาจปรับขึ้นได้สูงสุดไม่เกินราคาหน้าโรงแยกก๊าซที่ 24.82 บาทต่อกก.

*-*

*-*