ทันสถานการณ์โลก ประจำวันพุธที่ 3 กรกฎาคม 2562
+++สื่อท้องถิ่นของรัสเซีย รายงานอ้างกระทรวงกลาโหมรัสเซียว่า เกิดไฟไหม้เรือดำน้ำลำหนึ่งของกองทัพเรือรัสเซีย บริเวณตอนเหนือของทะเลแบเร็นตส์ ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของมหาสมุทรอาร์กติกที่ตั้งอยู่ทางตอนเหนือของนอร์เวย์และรัสเซีย ทำให้มีลูกเรือเสียชีวิต 14 ศพ ทั้งหมดเสียชีวิตจากควันพิษ บีบีซี รายงานว่า เรือลำดังกล่าวประจำอยู่ในเมืองเซเวโรมอร์สก์ทางภาคตะวันตกของรัสเซีย ซึ่งเป็นฐานทัพเรือหลักสำหรับกองเรือทะเลเหนือของรัสเซีย ผู้บัญชาการกองทัพเรือรัสเซีย สั่งการให้มีการสอบสวนเรื่องนี้อย่างละเอียด
+++หลังจากที่รัฐมนตรีการต่างประเทศอิหร่าน ประกาศว่าอิหร่านเสริมคุณภาพแร่ยูเรเนียมเกินระดับ 300กิโลกรัม สูงกว่าอัตราที่กำหนดไว้ในข้อตกลงนิวเคลียร์ ที่อิหร่านลงนามไว้กับชาติมหาอำนาจ รวมถึงฝรั่งเศส สหราชอาณาจักร และ เยอรมนี ในปี 2558 รอยเตอร์ รายงานว่า ประธานาธิบดีเอ็มมานูเอล มาครง ของฝรั่งเศส ระบุในแถลงการณ์เตือนอิหร่านไม่ให้ดำเนินมาตรการต่างๆที่อาจจะละเมิดข้อตกลงนิวเคลียร์ที่ลงนามกับชาติมหาอำนาจ นายมาครง ย้ำว่า ฝรั่งเศสผูกพันในการปฏิบัติตามรายละเอียดต่างๆของข้อตกลงนิวเคลียร์ พร้อมทั้งเรียกร้องให้อิหร่านเปลี่ยนความคิดใหม่ โดยทำตามข้อตกลงนี้อย่างจริงจัง พร้อมทั้งหลีกเลี่ยงมาตรการต่างๆที่อาจจะทำให้เกิดปัญหาข้อโต้แย้งในเรื่องการทำตามข้อตกลงนิวเคลียร์ของอิหร่าน
+++ความคืบหน้าสถานการณ์ในฮ่องกง หลังจากตำรวจยิงแก๊สน้ำตาสลายการประท้วงของชาวฮ่องกงหลายร้อยคนหลังบุกเข้าไปทำลายทรัพย์สินในอาคารสภานิติบัญญัติเพื่อคัดค้านร่างกฎหมายส่งผู้ร้ายข้ามแดน รอยเตอร์ รายงานอ้างผู้แทนจากสำนักกิจการฮ่องกงของประเทศจีนว่า รัฐบาลจีนประณามการประท้วงที่รุนแรงในฮ่องกงว่าเป็นการท้าทายอำนาจปกครองของรัฐบาลจีน โดยเฉพาะเรื่องวิธีการปกครองเขตบริหารพิเศษฮ่องกง ผู้แทนจากสำนักกิจการฮ่องกงของประเทศจีน ระบุว่า รัฐบาลจีนสนับสนุนให้มีการจับกุมผู้ประท้วงที่ใช้ความรุนแรงไปดำเนินคดีตามกฎหมาย พร้อมทั้งปฏิเสธว่ารัฐบาลจีนไม่เคยเข้าไปแทรกแซงการบริหารฮ่องกง แต่สำหรับคนส่วนใหญ่ในฮ่องกง ร่างกฎหมายส่งผู้ร้ายข้ามแดน คือมาตรการล่าสุดที่จะนำไปสู่การควบคุมบริหารฮ่องกงโดยรัฐบาลจีน รอยเตอร์ ตั้งข้อสังเกตว่า เกาะฮ่องกง อดีตอาณานิคมของสหราชอาณาจักร ถูกส่งมอบคืนให้กับรัฐบาลจีนในปี 2540 ภายใต้หลักการหนึ่งประเทศ สองระบบปกครอง ทั้งเปิดโอกาสให้ชาวฮ่องกงมีสิทธิ์เสรีภาพ โดยเฉพาะสิทธิ์การประท้วงและระบบตุลาการที่เป็นอิสระมากกว่าในประเทศจีน
+++สำนักข่าวยอนฮับ รายงานว่าประธานาธิบดีมุน แจอิน ของเกาหลีใต้ พูดในที่ประชุมคณะรัฐมนตรีว่าการที่ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ของสหรัฐฯและนายคิม จองอึน ผู้นำเกาหลีเหนือ พบกันที่หมู่บ้านปันมุนจอม ในพื้นที่ปลอดทหารใกล้ชายแดนสองเกาหลีเมื่อวันอาทิตย์ มีผลเท่ากับการประกาศในเชิงสัญลักษณ์ว่าทั้งสองฝ่ายยุติความบาดหมางระหว่างกันโดยสิ้นเชิง แม้ว่าทั้งสองฝ่ายจะไม่ได้ลงนามในเอกสารใดๆ แต่สิ่งที่เกิดขึ้นมีผลเท่ากับการประกาศยุติการเป็นปฏิปักษ์ต่อกัน พร้อมทั้งจะเริ่มต้นยุคแห่งสันติภาพ นอกจากนี้ นายมุน ตั้งข้อสังเกตว่านายทรัมป์เป็นประธานาธิบดีคนแรกของสหรัฐฯและพันธมิตรของเกาหลีใต้ที่ไปเยือนเขตปลอดทหารใกล้ชายแดนสองเกาหลี ที่สำคัญกว่านั้นคือทั้งตัวเขาและนายทรัมป์ สวมชุดสูท ไม่ได้สวมใส่ชุดทหารหรือใส่เสื้อเกราะกันกระสุน
+++ สำนักงานผู้แทนการค้าสหรัฐ (USTR) ระบุในแถลงการณ์ว่า สหรัฐฯจะยกระดับการทำสงครามทางการค้ากับกลุ่มอียูในเรื่องนี้ พร้อมขู่จะขึ้นภาษีนำเข้าสินค้ารอบใหม่จากกลุ่มอียู รวมมูลค่า 4,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ โดยมาตรการทางภาษีที่ USTR แถลงในครั้งนี้ ครอบคลุมสินค้ารวม 89 ประเภท เช่นเนื้อสัตว์ เนยแข็ง พาสตา ผลไม้ กาแฟและวิสกี้ ก่อนหน้านี้ สหรัฐฯได้ขึ้นภาษีสินค้าประเภทเหล็กและอลูมิเนียมจากกลุ่มอียู ขณะที่กลุ่มอียูตอบโต้ ด้วยการขึ้นภาษีนำเข้าจากสหรัฐฯ รวมมูลค่ากว่า 3,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ สำหรับการค้าระหว่างสหรัฐฯกับกลุ่มอียู มีมูลค่ากว่า 1 ล้านล้าน ดอลลาร์สหรัฐฯต่อปี ส่วนใหญ่กลุ่มอียูเป็นฝ่ายส่งออกสินค้ามากกว่านำเข้าจากสหรัฐฯ
+++ราคาน้ำมันร่วงลงเกือบ 3 ดอลลาร์จากภาวะเศรษฐกิจโลกอ่อนแอ สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เทกซัส อินเตอร์มีเดียต หรือไลต์สวีตครูด งวดส่งมอบเดือนสิงหาคม ลดลง 2.84 ดอลลาร์ ปิดที่ 56.25 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล ส่วนเบรนต์ลอนดอน งวดส่งมอบเดือนกันยายน ลดลง 2.66 ดอลลาร์ ปิดที่ 62.40 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล เบื้องต้นหลังสหรัฐฯและจีนหวนคืนสู่การเจรจาทางการค้า ณ เวทีประชุมซัมมิตจี20 เมื่อสุดสัปดาห์ที่แล้ว ทำให้ ผ่อนคลายความกังวล สงครามการค้าที่ยืดเยื้อแต่ต่อมา ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ กลับรื้อฟื้นความกังวลกลับมาอีกรอบ หลังเขาบอกว่าการบรรลุข้อตกลงใดๆกับจีนจะต้องเอื้อประโยชน์บางอย่างแก่วอชิงตัน นอกจากความกังวลทางการค้าแล้ว นักลงทุนยังวิตกภาวะเศรษฐกิจโลกปรับตัวลดลง การผลิตชะลอตัวเกือบทั่วทั่งยุโรป, เอเชียและสหรัฐฯในเดือนมิถุนายน
+++ด้านตลาดหุ้นสหรัฐฯปิดบวกในกรอบแคบๆดาวโจนส์ เพิ่มขึ้น 69.25 จุดปิดที่ 26,786.68 จุด ความเคลื่อนไหวของตลาดทุน ประกอบกับดอลลาร์อ่อนค่าลง ช่วยดันให้ราคาทองคำพุ่งแรงในวันอังคาร(2ก.ค.) โดยราคาทองคำ เพิ่มขึ้น 18.70 ดอลลาร์ ปิดที่ 1,408.00 ดอลลาร์ต่อออนซ์
+++เจ้าหน้าที่รัฐเบนเว ทางตอนกลางของไนจีเรียแจ้งว่า มีผู้เสียชีวิตแล้ว 50 คน ขณะรองน้ำมันรั่วจากรถบรรทุกน้ำมันที่ประสบอุบัติเหตุแล้วน้ำมันเกิดติดไฟ เป็นโศกนาฏกรรมที่เกิดขึ้นบ่อยครั้งในประเทศนี้ เจ้าหน้าที่เผยว่า รถบรรทุกน้ำมันพลิกคว่ำเมื่อวานนี้ ชาวบ้านแห่ไปรองน้ำมันที่รั่วออกมาแล้วน้ำมันเกิดติดไฟ คลอกคนในบริเวณนั้นเสียชีวิตแล้ว 50 คน บาดเจ็บสาหัสถูกนำตัวส่งโรงพยาบาลอีกจำนวนหนึ่ง รอยเตอร์ระบุว่า เหตุการณ์แบบนี้เกิดขึ้นบ่อยในไนจีเรีย ประเทศที่อยู่ฝั่งตะวันตกของทวีปแอฟริกา แม้ราคาน้ำมันในประเทศนี้มีราคาถูก แต่ประชาชนจำนวนมากมีความเป็นอยู่ยากจนสุดขีด และมักแห่ไปรองน้ำมันรั่วทั้งที่เกิดเหตุสลดใจให้เห็นเป็นตัวอย่างหลายครั้ง เดือนตุลาคมปีก่อนมีผู้เสียชีวิต 60 คน ขณะผู้คนแห่รองน้ำมันรั่วจากท่อส่งน้ำมันแตกทางตะวันออกเฉียงใต้ของประเทศแล้วน้ำมันเกิดติดไฟ
+++ปิดท้าย เกิดเหตุ ผู้พบศพชายคนหนึ่งภายในสวนของบ้านหลังหนึ่ง ย่านแคลปแฮม ทางใต้กรุงลอนดอน ประเทศอังกฤษ ช่วงบ่ายวันอาทิตย์ที่ผ่านมาตามเวลาท้องถิ่น ตำรวจนครบาลกรุงลอนดอนแถลงว่า คาดว่าเป็นชายที่พยายามหลบหนีเข้าอังกฤษ ด้วยการเสี่ยงชีวิตซ่อนตัวอยู่ในช่องเก็บล้อของเครื่องบินโดยสารของสายการบินเคนยา แอร์เวย์ส ที่เดินทางมาจากกรุงไนโรบี มายังสนามบินฮีทโธรว์ กรุงลอนดอน แต่พลัดตกลงมาก่อนเครื่องบินจะเดินทางมาถึงปลายทาง ขณะนี้ได้ชันสูตรศพชายที่เสียชีวิต และไม่พบข้อสงสัยเกี่ยวกับสาเหตุการเสียชีวิต เหตุการณ์ลักลอบขึ้นเครื่องบินและเสียชีวิตที่เกิดขึ้นล่าสุดไม่ใช่เหตุการณ์แรก ก่อนหน้านี้เมื่อเดือนกันยายน 2555 ชายวัย 30 ปีคนหนึ่งซึ่งลักลอบขึ้นเครื่องบินมาจากซิมบับเว พลัดตกลงมาเสียชีวิตในแบบเดียวกัน จากเที่ยวบินที่เดินทางจากแองโกลา มุ่งหน้าสู่กรุงลอนดอน