ตามที่ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ผู้นำสหรัฐฯ กับนายคิม จองอึน ผู้นำเกาหลีเหนือ มีความเห็นพ้องที่จะเดินหน้าการหารือเพื่อทำให้คาบสมุทรเกาหลีปลอดนิวเคลียร์ นายไมค์ ปอมเปโอ รัฐมนตรีการต่างประเทศของสหรัฐฯ กล่าวว่า การเจรจารอบใหม่น่าจะเกิดขึ้นในเดือนกรกฎาคม
ส่วนนายอันโตนิโอ กูเตอร์เรส เลขาธิการใหญ่องค์การสหประชาชาติ แสดงความยินดีต่อการพบกันของผู้นำทั้งสอง และยืนยันว่าจะสนับสนุนอย่างเต็มที่ต่อความพยายามเพื่อที่จะทำให้เกิดสันติภาพ ความมั่นคงอย่างยั่งยืน และปลดนิวเคลียร์บนคาบสมุทรเกาหลีได้
กระทรวงรวมชาติของเกาหลีใต้รายงานว่า นับตั้งแต่ต้นปีที่แล้ว ประธานาธิบดีทรัมป์ ผู้นำสหรัฐฯ กับนายคิม ผู้นำสูงสุดของเกาหลีเหนือ มีการติดต่อสื่อสารกันทางจดหมายแล้วอย่างน้อย 12 ฉบับ โดยเป็นการส่งจากกรุงเปียงยาง 8 ฉบับ และจากกรุงวอชิงตัน 4 ฉบับ ซึ่งเกาหลีใต้มองว่าเป็นการบ่งบอกถึงการให้ความสำคัญของผู้นำทั้งสองประเทศในการติดต่อสื่อสารกัน แม้ยังมีความคิดเห็นไม่ลงรอยกันในหลายเรื่องก็ตาม
ส่วนกรณีที่ประธานาธิบดีทรัมป์ อนุญาตให้ผู้ประกอบการสหรัฐฯ จำหน่ายชิ้นส่วนทั่วไปให้แก่หัวเว่ย ได้นั้นนายแลร์รี่ คัดโลว์ ประธานสภาเศรษฐกิจแห่งชาติของสหรัฐฯ กล่าวว่า การตัดสินใจของประธานาธิบดีทรัมป์ จะมีผลต่อผลิตภัณฑ์ที่มีจำหน่ายทั่วโลก นอกจากนี้การหารือเกี่ยวกับความกังวลเรื่องหัวเว่ย และข้อตกลงเมื่อสุดสัปดาห์ยังไม่ใช่ผลการหารือในขั้นสุดท้าย
เมื่อวานนี้เป็นวันครบรอบ 22 ปีของการที่สหราชอาณาจักรคืนเกาะฮ่องกงให้แก่จีน มีกลุ่มผู้ประท้วงชาวฮ่องกงจำนวนมากร่วมการชุมนุมเพื่อปิดถนนตั้งแต่ช่วงเช้า แต่สถานการณ์รุนแรงขึ้นมาขึ้นเรื่อยๆ มีการปะทะกับตำรวจปราบจลาจลหลายจุดทำให้มีผู้ได้รับบาดเจ็บและถูกจับกุมไปหลายราย ซึ่งนอกจากนี้แล้วยังมีผู้ชุมนุมที่บุกรุกเข้าไปในอาคารสภานิติบัญญัติแล้วทำลายทรัพย์สิน ทำให้ตำรวจต้องยิงแก๊สน้ำตาและผลักดันให้ออกมาจากอาคาร
อย่างไรก็ตาม ยังมีชาวฮ่องกงอีกจำนวนมากที่ต้องการเรียกร้องประชาธิปไตย แต่ไม่สนับสนุนการเคลื่อนไหวของกลุ่มผู้ประท้วงที่พยายามสร้างเหตุรุนแรงขึ้น จนถึงกับมีการชุมนุมเพื่อสนับสนุนการทำงานของตำรวจ
ส่วนในงานพิธีนางแคร์รี่ แลม ผู้บริหารเขตปกครองพิเศษฮ่องกง นำคณะเจ้าหน้าที่และแขกผู้มีเกียรติเข้าร่วมงานที่ฮาร์เบอร์ ฟรอนท์ และมีการเชิญธงชาติขึ้นสู่ยอดเสาเพื่อรำลึกถึงวาระสำคัญ ซึ่งนางแลมกล่าวว่า สิ่งที่เกิดขึ้นในช่วงไม่กี่เดือนที่ผ่านมานี้ได้จุดความขัดแย้งและการโต้เถียงระหว่างรัฐบาลและประชาชน ซึ่งทำให้มีความเข้าใจนักการเมือง จะต้องตระหนักและเข้าใจในความรู้สึกของประชาชน
ผู้นำจาก 28 ชาติของสหภาพยุโรป หรือ อียู แต่ยังไม่สามารถตกลงกันได้ว่าใครคือผู้ที่จะดำรงตำแหน่งประธานคณะกรรมาธิการยุโรป ต่อจากนาย ฌ็อง โคลด ยุงเคอร์ แม้ว่าจะมีเปิดเผยไว้ก่อนหน้านี้ว่า นายฟรานส์ ทิมเมอร์มานส์ นักการเมืองแนวสังคมนิยมของเนเธอร์แลนด์ที่พูดได้ 6 ภาษา จะรับตำแหน่งนี้ แต่ต่อมาก็ถูกต่อต้านจากกลุ่มประเทศยุโรปตะวันออกและกลุ่มพรรคประชาชนยุโรป หรือ อีพีพี จนทำให้ต้องมีการเจรจาต่อรองกันใหม่
นายกรัฐมนตรีอันต์ตี รินเน ผู้นำฟินแลนด์ เปิดเผยว่าในโอกาสที่ฟินแลนด์ทำหน้าที่ประธานหมุนเวียนของอียู ประจำช่วงครึ่งหลังของปีนี้ แม้วาระสำคัญที่สุดในตอนนี้คือการจัดการเรื่องเบร็กซิตให้สำเร็จลุล่วงอย่างราบรื่นและตามกำหนด แต่ในอีกด้านหนึ่ง ฟินแลนด์จะผลักดันนโยบายด้านสิ่งแวดล้อมตามแนวทางเศรษฐกิจหมุนเวียน ที่ฟินแลนด์เป็นหนึ่งในประเทศแถวหน้าที่ดำเนินนโยบายนี้ควบคู่กันไปด้วย
ฝรั่งเศสบังคับใช้มาตรการห้ามรถยนต์ที่ใช้น้ำมันดีเซล ซึ่งมีอายุมากกว่า 13 ปี หรือผลิตก่อนปี 2006 (พ.ศ.2549) เข้ามาวิ่งในกรุงปารีส ตั้งแต่วันจันทร์ถึงวันศุกร์ ในช่วงเวลา 08.00-20.00 น. เริ่มตั้งแต่เมื่อวานนี้ เพื่อลดมลพิษในเมืองหลวงของประเทศ โดยผู้ฝ่าฝืนจะต้องถูกปรับเป็นเงิน 68 ยูโร ขณะที่รถบรรทุกและรถโดยสารจะถูกปรับสูงถึง 135 ยูโร ส่วนมาตรการห้ามใช้รถยนต์ดีเซลอายุมากกว่า 18 ปี และรถยนต์เบนซินอายุมากกว่า 21 ปี ที่ประกาศใช้มาตั้งแต่ในสัปดาห์ก่อน ซึ่งเป็นช่วงที่ฝรั่งเศสเผชิญกับคลื่นความร้อน จะขยายพื้นที่บังคับใช้ครอบคลุมย่านชานกรุงปารีสในอีก 47 เขต ซึ่งคาดว่าจะส่งผลกระทบกับยานพาหนะราว 800,000 คัน ในพื้นที่ซึ่งมีประชากรอยู่ราว 5 ล้าน 5 แสนคน
กลุ่มประเทศผู้ผลิตน้ำมัน หรือโอเปกเห็นพ้องขยายกรอบเวลาลดกำลังการผลิตออกไปจนถึงเดือนมีนาคม 2020 (พ.ศ.2563) ซึ่งทำให้ประธานาธิบดีทรัมป์แห่งสหรัฐฯ ไม่พอใจ เพราะเขาเคยเรียกร้องให้ซาอุดีอาระเบีย ผู้นำโอเปกผลิตน้ำมันเพิ่มเติม เพื่อให้ราคาน้ำมันลดต่ำลง
โดยในวันนี้ โอเปกจะมีการหารือกับรัสเซียและกลุ่มประเทศผู้ผลิตน้ำมันนอกกลุ่มโอเปกต่อไป ซึ่งเมื่อวันเสาร์ ประธานาธิบดีวลาดิมีร์ ปูตินแห่งรัสเซีย แสดงความเห็นด้วยกับการที่ซาอุดีอาระเบียในการขยายกรอบเวลามาตรการลดกำลังการผลิตไปจนถึงเดือนธันวาคมปีนี้ หรือมีนาคมปีหน้า
ราคาน้ำมันขยับขึ้น สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เทกซัส อินเตอร์มีเดียต หรือไลต์สวีตครูด งวดส่งมอบเดือนสิงหาคม เพิ่มขึ้น 62 เซ็นต์ ปิดที่ 59.09 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล
ส่วนเบรนต์ลอนดอน งวดส่งมอบเดือนกันยายน เพิ่มขึ้น 32 เซนต์ ปิดที่ 65.06 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล
ด้านตลาดหุ้นสหรัฐฯ ดาวโจนส์ เพิ่มขึ้น 117.47 จุด หรือร้อยละ 0.44 ปิดที่ 26,717.43 จุด
เอสแอนด์พี เพิ่มขึ้น 22.57 จุด หรือร้อยละ 0.77 ปิดที่ 2,964.33 จุด
แนสแดค เพิ่มขึ้น 84.92 จุด หรือร้อยละ 1.06 ปิดที่ 8,091.16 จุด
...