ความเคลื่อนไหวเมืองไทยวันนี้ วันพุธที่ 19 มิถุนายน 2562
+++พล.ต.มนัส จันดี กอ.รมน. กทม. พร้อมพล.ท.กิติธัช บุพศิริ ผู้อำนวยการประสานงานศูนย์ปฏิบัติการที่2(ผอ.ศปป. 2) ประสาน นำกำลังเจ้าหน้าที่บุกเข้าตรวจค้นอาคารแห่งหนึ่งย่านประตูน้ำ ซึ่งเปิดเป็นห้องเช่าให้กับแรงงานชาวเมียนมา หลังได้รับการร้องเรียนว่ามีมาเฟียชาวเมียนมา ก่อเหตุข่มขู่เรียกค่าคุ้มครองจากแรงงานชาติเดียวกัน มาเฟียชาวเมียนมาที่ตั้งตนเป็นหัวหน้าแก๊งได้แก่ นายซันเจและนายอังคู ซึ่งพักอาศัยอยู่ที่ย่านประตูน้ำ มีพฤติกรรมเรียกเก็บส่วยแรงงานชาวเมียนมา เดือนละ 4,700 บาท มีผู้ที่ยอมจ่ายประมาณ 20 ราย แม้ว่าจะมีหลักฐานการทํางานถูกต้อง แต่ก็จ่ายเพราะเกรงกลัวอิทธิพล นอกจากนี้ยังนำคลิปหลักฐานที่หัวหน้ามาเฟียทั้งสองคน ไลฟ์สดข่มขู่แรงงานให้จ่ายเงินและคลิปขณะรีดไถเงินมาให้เจ้าหน้าที่เป็นหลักฐาน
+++ผู้เสียหายยังให้ข้อมูลว่า นายซันเจ มักอ้างว่า ตัวเองทำงานให้ตำรวจท่องเที่ยว โดยโชว์เสื้อที่มีตราสัญลักษณ์ของตำรวจท่องเที่ยว และมีพฤติกรรมสำคัญตามคำร้องเรียนคือ หากมีแรงงานชาวเมียนมาร์คนใดเปลี่ยนนายจ้าง ถ้าหลักฐานการเปลี่ยนยังไม่สมบูรณ์ นายซันเจจะแจ้งให้กับเจ้าหน้าที่ตำรวจ ไปจับกุมทันทีเนื่องจากโทษปรับค่อนข้างสูง จากนั้นจะมีการเจรจาจ่ายเงินเพื่อยอมความ นอกจากนี้กลุ่มต่างด้าวดังกล่าว มีพฤติกรรมรวมกลุ่มเพื่อเสพยาเสพติดด้วย
+++ปัญหาสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร หรือ ส.ส.จาก 14 จังหวัดใต้ และ 11 อีสานตอนบนพรรคพลังประชารัฐ หรือ พปชร. ยุติแล้ว โดยมีร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า ส.ส. พรรคพลังประชารัฐ ที่ได้รับมอบหมายจากนายอุตตม สาวนายน หัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ และพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ให้มาพูดคุยกับตัวแทนจาก 2 ภาค เพื่อแก้ไขปัญหาความไม่เข้าใจในเรื่องของการจัดสรรตำแหน่ง หลังการหารือนานกว่า 2 ชั่วโมง ทั้งนายเอกราช และ พ.อ.สุชาติ ต่างยืนยันจะร่วมทำงานขับเคลื่อนนโยบายพร้อมกับรัฐบาล ที่นำโดย พล.อ.ประยุทธ์ เพื่อให้ประเทศเดินหน้าต่อไป โดยรับปากจะดำเนินการตามนโยบายที่ให้ไว้กับประชาชน
+++ร.อ.ธรรมนัส ยืนยันว่า การทำงานทิศทางในอนาคตจะสงบราบรื่น จะไม่มีปัญหากลุ่มอื่นๆ หรือภาคอื่นในพรรค นายกรัฐมนตรีเข้าใจปัญหาทุกคน พรรคพลังประชารัฐเป็นหนึ่งเดียว นายกรัฐมนตรีต้องการที่จะให้ภายพรรค และพรรคร่วมไปในทิศทางเดียวกัน ร่วมกันขับเคลื่อนนโยบาย หลังมีพระบรมราชโองการโปรดเกล้าฯ แล้ว ก็จะแถลงนโยบายชัดเจนไปด้วยกันทุกพรรค
+++พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า ขณะนี้ได้รับรายชื่อคณะรัฐมนตรีชุดใหม่เรียบร้อยแล้ว และอยู่ระหว่างขั้นตอนการตรวจสอบคุณสมบัติของเลขาธิการคณะรัฐมนตรี ซึ่งยืนยันว่า กระบวนการจะแล้วเสร็จและนำขึ้นทูลเกล้าฯ ในเดือนมิถุนายนนี้ หลังจากนั้นเป็นขั้นตอนการโปรดเกล้าฯ และเข้าถวายสัตย์ปฏิญาณตน เพื่อปฏิบัติหน้าที่ต่อไป รายชื่อนิ่งหมดแล้ว มีแค่ 36 ที่ จัดให้ได้ไปก่อน ใครไม่ได้ ต้องดูว่าจะให้ช่วยงานตรงไหน และหลังจากเริ่มปฏิบัติหน้าที่แล้ว ทุกคนต้องสามารถตรวจสอบการทำงานได้ แม้แต่ผม นั่นหมายความว่า คณะรัฐมนตรีก็สามารถปรับเปลี่ยนได้ ส่วนจะนั่งควบตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม หรือไม่ พล.อ.ประยุทธ์ ย้อนถามว่า “หากผมต้องควบตำแหน่งจริง จะเสียหายตรงไหน” และว่า เวลานี้อยู่ระหว่างตัดสินใจ เพราะไม่ทราบว่าสถานการณ์ขณะนี้เหมาะสมหรือไม่ที่ตนจะดูแลกระทรวงกลาโหมด้วย พร้อมย้ำชัดเจนว่า รัฐบาลนี้เป็นรัฐบาลของประเทศ ไม่เลือกปฏิบัติเฉพาะพื้นที่หนึ่งพื้นที่ใด
+++วันนี้ต้องตามต่อ หลังเจ้าหน้าที่ ป.ป.ส. ร่วมกับตำรวจกองบัญชาการปราบปรามยาเสพติด (ปส.) นำกำลังบุกเข้าตรวจค้นและจับกุม อดีตนักร้องชื่อดัง “ปุ๊กกี้” ปริศนา พรายแสง อายุ 40 ปี กับนายชลวิทย์ คีตะตระกูล อายุ 49 ปี สามี พร้อมของกลางยาเคตามีน 5,170 กรัม, ไอซ์ 98.3 กรัม, ยาบ้า 8 เม็ด, ยาอี 10 เม็ด, คีตามีน 4 กรัม, กัญชาแห้ง 40 กรัม และสารเคมีหลายชนิด พร้อมกับอุปกรณ์ที่เชื่อว่าใช้ผลิตยาเสพติดบรรจุอยู่ในถุงใส ซุกซ่อนอยู่ในที่เขี่ยบุหรี่ 39 ชิ้น ใส่กล่องกระดาษ ล่าสุด มีรายงานข่าวแจ้งว่า ตอนนี้เจ้าหน้าที่รู้ตัว "ดาราชาย" คนดังกล่าวแล้ว เตรียมนำ "รูปภาพ" ไปให้พยานชี้ ซึ่งหากตรวจสอบพบว่ามีความเกี่ยวข้องกับ "ปุ๊กกี้-ปริศนา" ก็จะต้องถูกเรียกตัวมาสอบสวนทันที เพื่อเป็นการขยายผลในคดีนี้ต่อไป
+++ก่อนหน้านี้ พล.ต.อ.เฉลิมเกียรติ ศรีวรขาน รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (รอง ผบ.ตร.) พร้อมด้วย พล.ต.ท.ชินภัทร สารสิน ผู้บัญชาการตำรวจปราบปรามยาเสพติด(ผบช.ปส.) นำเจ้าหน้าที่ผู้เกี่ยวข้องแถลงข่าว โดยเบื้องต้นยังคงไม่ได้สอบปากคำ 3 ผู้ต้องหาอย่างละเอียด แต่สรุปได้ว่า ได้ใช้ประเทศไทยเป็นทางผ่านส่งต่อยาเสพติดไปประเทศที่สาม โดยก่อนหน้านี้ได้รับแจ้งมีขบวนการลอบใช้พื้นที่โรงแรมแห่งหนึ่งเก็บซุกซ่อนของกลางยาเสพติด จึงนำกำลังเข้าตรวจค้นพบผู้ร่วมขบวนการเป็นชาวไต้หวัน ซึ่งจากการขยายผลพบชาวไทย 2 คนร่วมด้วยคือ ปุ๊กกี้กับสามี ซุกซ่อนยาเสพติดภายในก้นที่เขี่ยบุหรี่ รวมแล้วของกลางยาเคตามีนน้ำหนัก 5.2 กิโลกรัม
+++คืนเงินกันแล้ว เหตุแท็กซี่ไทยโชว์ฟอร์มอีกแล้ว! ชาวจีนเรียก นั่งเบาะหน้า เจอคาถา "ไปส่งรถ" โดนเทต้องรีบลง ทำถุงเงิน 9 หมื่นดอลลาร์สหรัฐฯ หล่นในรถ แจ้ง จส.100 ช่วยแกะรอยถึงอู่ ทีแรกอ้างมีคนขึ้นต่อ แต่ตำรวจเช็กกล้องในรถละเอียดยิบ พบถือถุงเงินเข้าบ้านก่อนส่งกะเนียนๆ แถมรีบย้ายห้อง พบหยิบไปใช้กว่า 1 พันเหรียญฯ ก่อนฝากพี่ชายที่ราชบุรี ผู้เสียหายไม่ติดใจยักยอกทรัพย์ ทำได้แค่ปรับข้อหาปฏิเสธผู้โดยสาร 1 พัน
+++เหตุการณ์แท็กซี่ไม่ซื่อสัตย์ต่ออาชีพ ผู้โดยสารทำของหายแทนที่จะได้คืนกลับยักยอกไปใช้อย่างแนบเนียนครั้งนี้ เกิดขึ้นเมื่อวันที่ 18 มิ.ย. สถานีวิทยุ จส.100 รายงานว่า เจ้าหน้าที่ตำรวจ สน.ปทุมวัน ส่งมอบเงินสดสกุลดอลลาร์สหรัฐฯ รวม 88,900 เหรียญสหรัฐฯ (ประมาณ 2.77 ล้านบาท) แก่ชาวจีนรายหนึ่ง หลังเจ้าหน้าที่โรงแรมเดอะ ทวิน ทาวเวอร์ ถนนพระร ามที่ 6 แขวงรองเมือง เขตปทุมวัน กรุงเทพฯ โทรศัพท์แจ้งขอความช่วยเหลือกับ จส.100 ระบุว่า ได้ทำถุงหูหิ้วสีขาวร้านสะดวกซื้อแห่งหนึ่ง ภายในมีถุงสีหม่นบรรจุเงินสดจำนวน 90,000 เหรียญสหรัฐฯ (ประมาณ 2.8 ล้านบาท) ลืมไว้ในรถแท็กซี่สีส้มคาดขาว ที่ผู้ขับรถแท็กซี่ปฏิเสธผู้โดยสาร
ต่อมา สถานีวิทยุ จส.100 รับแจ้งว่ามีข้อมูลจากกล้องวงจรปิดจากบริษัทแห่งหนึ่งซึ่งอยู่ไม่ไกลจากโรงแรม พบแท็กซี่สีส้มอีกคันหนึ่ง หมายเลขทะเบียน ทห 7445 กรุงเทพมหานคร ที่แล่นผ่านในช่วงเวลาเดียวกัน จึงตรวจสอบเพิ่มเติมกับกรมการขนส่งทางบก ก่อนติดต่อกับเจ้าของอู่ ให้ข้อมูลว่าผู้ขับรถแท็กซี่คันดังกล่าวชื่อนายวรพงษ์ (แหล่งข่าวสงวนนามสกุล) เพิ่งกลับมาขับแท็กซี่ได้ 2-3 วัน แต่นายวรพงษ์แจ้งว่า รับชาวจีนทั้ง 2 คน แต่ไม่ได้สังเกตว่าถืออะไรมาด้วย และไม่ได้ไปส่งเพราะใกล้เวลาจะต้องไปส่งรถคืนที่อู่ จากนั้นได้รับผู้โดยสารบริเวณแยกถนนรองเมือง เป็นหญิง 3 คน นั่งหน้า 1 คน นั่งหลัง 2 คน ไปส่งที่ย่านปิ่นเกล้า โดยไม่ทันสังเกตว่าถืออะไรลงไปหรือไม่
+++ร.ต.ท.ชินดนัย วิลาวัลย์ รองสารวัตรสอบสวน สน.ปทุมวัน เจ้าของคดี เปิดเผยว่า จากการสอบถามชาวจีนพร้อมเพื่อนรวม 6 คน ให้การว่า เงินจำนวน 90,000 เหรียญสหรัฐฯ เป็นเงินที่ทั้ง 6 คนนำมาลงขันคนละ 15,000 เหรียญสหรัฐฯ (ประมาณ 4.68 แสนบาท) เพื่อนำไปใช้ทำธุรกิจเกี่ยวกับความงาม เริ่มจากการนำไปซื้อคอนโดมิเนียมที่พัทยา มีเอกสารหลักฐานซื้อขายถูกต้อง สอดคล้องกับคำให้การ ตำรวจจึงหมดข้อสงสัยที่มาของเงิน แต่ขณะที่เงินอยู่กับนายวรพงษ์นั้น ได้หยิบออกมาใช้จำนวน 1,100 เหรียญสหรัฐฯ (ประมาณ 3.5 หมื่นบาท) ชาวจีนไม่ได้ติดใจอะไร ขอเพียงได้เงินคืนก็พอใจแล้ว จึงขอให้ตำรวจถอนแจ้งความดำเนินคดีแพ่งนายวรพงษ์ฐานยักยอกทรัพย์ ก่อนรับเงินคืนและเดินทางกลับไป พร้อมขอบคุณเจ้าหน้าที่ทุกฝ่าย และสถานีวิทยุ จส.100 ที่ช่วยติดตามจนได้เงินคืน ขณะที่นายวรพงษ์ ผู้ขับรถแท็กซี่นั้น พนักงานสอบสวน สน.ปทุมวัน ดำเนินคดีในข้อหาปฏิเสธผู้โดยสาร เปรียบเทียบปรับเป็นเงิน 1,000 บาท ก่อนปล่อยตัวกลับไป