ความคืบหน้าสถานการณ์ในบูร์กินาฟาโซยุ่งเหยิงอย่างหนัก หลัง พ.ท.ไอแซค ซิดา รองผู้บัญชาการกองกำลังอารักขาประธานาธิบดีบูร์กินาฟาโซ ประกาศเป็นผู้นำรัฐบาลเฉพาะกาลผ่านทางสถานีโทรทัศน์ และออกคำสั่งปิดชายแดนทุกด้านของประเทศ รวมทั้งประกาศมาตรการเคอร์ฟิว พ.ท.ซิดาได้เรียกร้องให้ประเทศในแอฟริกาตะวันตกและประชาคมระหว่างประเทศแสดงความเข้าใจและสนับสนุนรัฐบาลชุดใหม่ด้วย ส่วนประธานาธิบดีแบลส กงปาโอเร ที่ถูก พล.อ.โอโนเร ตราโอเร เสนาธิการกองทัพ ก่อรัฐประหารโค่นล้มอำนาจเมื่อวันพฤหัสบดีขณะนี้อยู่ในสถานที่ปลอดภัยและขอให้มั่นใจในเรื่องสวัสดิภาพความปลอดภัยของอดีตผู้นำ คำประกาศของ พ.ท.ซิดาล่าสุดมีขึ้นเพียงไม่กี่ชั่วโมงหลังจาก พล.อ.ตราโอเร เสนาธิการกองทัพ ประกาศจะครองอำนาจสูงสุด แต่การที่ พ.ท.ซิดาประกาศช่วงชิงอำนาจต่อจาก พล.อ.ตราโอเรสะท้อนให้เห็นถึงความแตกแยกภายในกองทัพ สอดคล้องกับรายงานหลายกระแสก่อนหน้า ซึ่ง สหภาพยุโรป หรือ อียู ออกแถลงการณ์เรียกร้องให้ชาวบูร์กินาฟาโซเร่งตัดสินว่า จะให้ใครเป็นผู้บริหารประเทศ ก่อนการเลือกตั้งทั่วไปตามกำหนดในเดือนพฤศจิกายนปีหน้า ด้านแหล่งข่าวทางการทูตฝรั่งเศส ซึ่งเป็นอดีตเจ้าอาณานิคมของบูร์กินาฟาโซ เปิดเผยว่า ประธานาธิบดีกงปาโอเรที่กลับลำยอมลาออกจากตำแหน่ง ได้หลบหนีออกจากเมืองหลวง มุุ่งหน้าไปทางใต้สู่เมืองโป ที่อยู่ติดชายแดนกานาแล้ว ทั้งนี้ การลงจากอำนาจของประธานาธิบดีกงปาโอเร วัย 63 ปี ซึ่งอยู่ในตำแหน่งประธานาธิบดีมาตั้งแต่ปี 2530 เป็นที่จับตามองไปทั่วแอฟริกา เนื่องจากหลายฝ่ายมองว่าคล้ายคลึงกับสถานการณ์ "อาหรับสปริง" เมื่อปี 2554 ซึ่งหลายประเทศในแอฟริกาเหนือประท้วงโค่นอำนาจผู้นำที่อยู่ในตำแหน่งมานานหลายทศวรรษและต้องการครองอำนาจต่อ โดยเริ่มมีการขนานนามการประท้วงในบูร์กินาฟาโซแล้วว่า "แบล็คสปริง"