ทันสถานการณ์โลก 06.30 น.วันที่ 14 มิถุนายน 2562

ความคืบหน้าสถานการณ์ในเขตปกครองพิเศษฮ่องกง หลังจากที่ประชาชนจำนวนมากร่วมการชุมนุมเพื่อคัดค้านร่างกฎหมายส่งผู้ร้ายข้ามแดน จนสภานิติบัญญัติต้องเลื่อนการประชุมเพื่อพิจารณาในวาระสอง และต้องปิดสถานที่ของทางการที่ตั้งอยู่ในเขตเศรษฐกิจจนถึงสุดสัปดาห์นี้ โดยรถไฟฟ้า ร้านค้าส่วนหนึ่งกลับมาเปิดค้าขายตามปกติแล้ว แต่ธนาคาร และศูนย์การค้าขนาดใหญ่ยังปิดให้บริการ

นางแครี่ แลม ผู้ว่าการเขตปกครองพิเศษฮ่องกง วิจารณ์เหตุรุนแรงที่เกิดขึ้นว่าเป็นการก่อเหตุจลาจลที่มีการจัดตั้ง แต่ฮ่องกงจะไม่ยกเลิกกฎหมายส่งผู้ร้ายข้ามแดน เพราะกฎหมายฉบับนี้คือการเนรเทศผู้ร้ายข้ามแดนไปยังประเทศหรือดินแดนที่ไม่มีสนธิสัญญาต่อกัน ซึ่งถือว่าเป็นกฎหมายที่มีความจำเป็น เพื่อแก้ไขปัญหากรณีที่อาชญากรเข้ามาหลบซ่อนตัวอยู่ในฮ่องกง

โดยเมื่อวานนี้ ยังมีชาวฮ่องกงจำนวนร่วมการชุมนุมอยู่ในพื้นที่ใกล้กับสภานิติบัญญัติ  ขณะที่หลายคนกลับไปทำงานตามปกติ แต่ยืนยันว่า จะกลับมาร่วมการชุมนุมอีกครั้งหากสภาเปิดการพิจารณาร่างกฎหมาย

ด้านผู้นำจากหลายประเทศรวมถึงประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ แห่งสหรัฐฯ และนายกรัฐมนตรีเทเรซา เมย์ แห่งสหราชอาณาจักร แสดงความไม่พอใจที่ทางการฮ่องกงใช้กระสุนยาง แก๊สน้ำตา และสเปรย์พริกไทยเพื่อสลายการชุมนุม ส่งผลให้มีผู้บาดเจ็บเกือบ 80 คน

ส่วนสหภาพยุโรป หรือ อียู ออกแถลงการณ์เรียกร้องให้ทางการฮ่องกงเคารพสิทธิขั้นพื้นฐานของประชาชน ในการชุมนุมประท้วง และแสดงความคิดเห็น

นายเกิ่ง สวง โฆษกกระทรวงการต่างประเทศจีน แถลงตอบโต้ว่า อียูแสดงความคิดเห็นที่ผิดพลาดและไร้ความรับผิดชอบ และย้ำว่า กิจการของฮ่องกงถือเป็นกิจการภายในของจีนเท่านั้น

ส่วนปัญหาการค้ากับสหรัฐฯ นายเกา เฟิง โฆษกกระทรวงพาณิชย์จีน กล่าวว่า จีนจะต่อสู้จนถึงที่สุด ถ้าหากสหรัฐฯยังคงเพิ่มความขัดแย้งทางการค้า และจะไม่ยอมอ่อนข้อแก่สหรัฐฯ ในประเด็นที่เกี่ยวข้องกับหลักการในการเจรจาการค้า โดยจีนมีจุดยืนคือสหรัฐฯ ต้องปรับเปลี่ยนท่าที แสดงความจริงใจในการแก้ไขหากต้องการให้การเจรจาการค้าดำเนินต่อไป

โดยก่อนหน้านี้ประธานาธิบดีทรัมป์ ผู้นำสหรัฐฯ กล่าวว่า หากประธานาธิบดีสี จิ้นผิง ผู้นำจีน ไม่เข้าร่วมการประชุมสุดยอด G20 ในวันที่ 28-29 มิถุนายนนี้ สหรัฐฯจะเรียกเก็บภาษีเพิ่มเติมสินค้านำเข้าจากจีนมูลค่า 6 หมื่นล้านดอลลาร์ และจะเก็บภาษีต่อสินค้านำเข้าจากจีนอีก 3 แสนล้านดอลลาร์ หากทั้ง 2 ฝ่ายยังไม่สามารถบรรลุข้อตกลงการค้าได้ในเร็ว ๆ นี้ 

ส่วนเหตุเรือบรรทุกน้ำมัน 2 ลำเกิดเหตุระเบิดในพื้นที่ของอ่าวโอมาน ซึ่งเกิดขึ้นหนึ่งเดือนหลังมีการโจมตีเรือบรรทุกน้ำมัน 4 ลำ ในพื้นที่ของสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ จุดที่เกิดเหตุยังอยู่ใกล้กับช่องแคบฮอร์มุซ ซึ่งเป็นเส้นทางเดินเรือที่สำคัญ

สำหรับเรือ 2 ลำที่เกิดเหตุในครั้งนี้ คือเรือฟรอนต์ อัลแตร์ ของบริษัทจากนอร์เวย์ จดทะเบียนในหมู่เกาะมาร์แชล ส่วนอีกลำชื่อ โคคูกา เคอเรจเจียส เป็นเรือสัญชาติญี่ปุ่น เว็บไซต์สื่อด้านการเดินเรือรายงานว่า เรือโคคูกาถูกโจมตีด้วยตอปิโด ส่วนเรืออีกลำเกิดไฟไหม้ โดยมีข้อสันนิษฐานว่าจะเกี่ยวข้องกับวัตถุที่อยู่ในเรือ ลูกเรือทั้ง 21 คนปลอดภัย เรือลำนี้ออกเดินทางมาจากซาอุดีอาระเบีย มุ่งหน้าสู่ไทย และสิงคโปร์

นายไมค์ ปอมเปโอ รัฐมนตรีการต่างประเทศสหรัฐฯ กล่าวหาอิหร่าน ว่าเป็นผู้อยู่เบื้องหลังการโจมตีเรือบรรทุกน้ำมัน 2 ลำในช่องแคบฮอร์มุซ เพื่อกดดันให้สหรัฐฯยกเลิกมาตรการลงโทษทางเศรษฐกิจ

นายอันโตนิโอ กูเตเรซ เลขาธิการใหญ่แห่งองค์การสหประชาชาติ ประณามการโจมตีเรือบรรทุกน้ำมัน

นายอาเหม็ด อาบูล กีท เลขาธิการสันนิบาตอาหรับ เรียกร้องให้คณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติ เร่งผู้รับผิดชอบในการรักษาความปลอดภัยในภูมิภาคอ่าว

สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เทกซัส อินเตอร์มีเดียต หรือไลต์สวีตครูด งวดส่งมอบเดือนกรกฎาคม เพิ่มขึ้น 1.14 ดอลลาร์ ปิดที่ 52.28 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล

ส่วนเบรนต์ลอนดอน งวดส่งมอบเดือนสิงหาคม เพิ่มขึ้น 1.34 ดอลลาร์ ปิดที่ 61.31 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล

ด้านตลาดหุ้นสหรัฐฯ ดาวโจนส์ เพิ่มขึ้น 101.94 จุด หรือร้อยละ 0.39 ปิดที่ 26,106.77 จุด

เอสแอนด์พี เพิ่มขึ้น 11.80 จุด หรือร้อยละ 0.41 ปิดที่ 2,891.64 จุด

แนสแดค เพิ่มขึ้น 44.41 จุด หรือร้อยละ 0.57 ปิดที่ 7,837.13 จุด

 ...