หลังจากชาวฮ่องกงจำนวนมากได้ชุมนุมประท้วงในบริเวณโดยรอบของอาคารสภานิติบัญญัติของฮ่องกงเพื่อคัดค้านร่างกฎหมายส่งผู้ร้ายข้ามแดน เป็นเหตุให้รัฐบาลขอให้สภานิติบัญญัติเลื่อนการพิจารณาร่างกฎหมายนี้ไปก่อน แต่กลุ่มผู้ประท้วงยังคงปิดถนนประท้วง ส่งผลให้การจราจรแทบจะเป็นอัมพาต นอกจากนี้ เหตุปะทะระหว่างการใช้กำลังสลายการประท้วงของตำรวจเมื่อวานนี้ มีคนบาดเจ็บ 79 คน
ล่าสุด เอเอฟพี รายงานว่า ฮ่องกงเผชิญกับกระแสกดดันจากนานาชาติ โดยเฉพาะกลุ่มสหภาพยุโรป(อียู)และสหรัฐฯได้เรียกร้องให้รัฐบาลฮ่องกงเคารพสิทธิขั้นพื้นฐานของชาวฮ่องกง โดยเฉพาะสิทธิการชุมนุมและการแสดงความคิดเห็นของประชาชนเพื่อคัดค้านกฎหมายดังกล่าว พร้อมตั้งข้อสังเกตว่ากฎหมายนี้อาจจะมีผลกระทบอย่างมากต่อชาวฮ่องกง พลเมืองจากกลุ่มอียูและพลเมืองชาวต่างชาติ โดยเฉพาะความมั่นใจของภาคธุรกิจเอกชนในการประกอบธุรกิจในฮ่องกง ด้านประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ของสหรัฐฯแสดงความหวังว่าในที่สุดทั้งสองฝ่ายจะตกลงกันในลักษณะที่เกิดผลดีต่อทั้งประเทศจีนและฮ่องกง
ด้านเนติบัณฑิตยสภาของฮ่องกง องค์กรทางกฎหมายระดับสูงของฮ่องกง ตั้งข้อสังเกตว่ายุทธวิธีที่ตำรวจใช้ในการผลักดันผู้ประท้วงออกจากจุดที่มีการประท้วงเมื่อวานนี้ อาจจะไม่ชอบด้วยกฎหมาย หรือเข้าข่ายใช้กำลังเกินเหตุ โดยเฉพาะการที่ตำรวจยิงกระสุนยางและแก๊สน้ำตาไปในกลุ่มผู้ประท้วงที่ไม่มีอาวุธ และไม่ได้ก่อให้เกิดอันตรายเฉพาะหน้าต่อตำรวจหรือสาธารณชน