รู้จัก'อีสป'ผู้แต่งนิทาน'เศรษฐีกับหงส์'

11 มิถุนายน 2562, 16:04น.


หลังการประชุมคณะรัฐมนตรี ในวันนี้ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ได้แนะนำหนังสือน่าอ่าน อีสปปกรณัม ซึ่งเป็นนิทานอีสปเรื่องแรกของไทย  ซึ่งส่วนใหญ่ตัวละครเป็นสัตว์และเทพเจ้า และมีสุภาษิตสอนใจ พร้อมทั้งยกตัวอย่างเรื่องเศรษฐีกับหงส์ขึ้นมาเป็นตัวอย่าง พร้อมเน้นย้ำกระทรวงศึกษาธิการ ให้ปรับปรุงวิธีการสอนและต้องสอนทั้งวิชาการและหลักคิด คุณธรรม จริยธรรม ไปพร้อมกัน



สำหรับเรื่องเศรษฐี กับ หงส์ ที่นายกรัฐมนตรี ยกตัวอย่าง เป็นเรื่องราวของเศรษฐีได้ยินเรื่องร่ำลือว่ามีหงส์ที่ร้องเพลงได้ไพเราะมากอยู่ตัวหนึ่ง เขาจึงไปซื้อหงส์ตัวนั้น เพื่อที่จะให้มันร้องเพลงให้แขกฟังในงานวันเกิดของเขา แต่พอถึงวันงานเจ้าหงส์กลับไม่ยอมเปล่งเสียงออกมาแม้แต่น้อย ทำให้เศรษฐีขายหน้าและโกรธเป็นอย่างมาก หลายวันต่อมาเขาจึงสั่งคนรับใช้ให้ฆ่าหงส์เสีย เมื่อหงส์ได้ยินเช่นนั้นมันจึงส่งเสียงร้องออกมาอย่างเศร้าสร้อย เพราะว่านี่คงเป็นเพลงสุดท้ายแล้วที่มันจะได้ร้องก่อนตาย 



:: นิทานเรื่องนี้สอนให้รู้ว่า ::



ถ้าไม่รู้จักทำตัวให้เป็นประโยชน์ ก็ไม่มีใครเขาต้องการ



:: พุทธภาษิต ::



โย จ วสฺสสตํ ชีเว กุสีโต หีนวีริโย 

เอกาหํ ชีวิตํ เสยฺโย วิริยํ อารภโต ทฬฺหํ.



ผู้ใดเกียจคร้าน มีความเพียรเลว พึงเป็นอยู่ตั้งร้อยปี แต่ผู้ปรารภความเพียรมั่นคง มีชีวิตอยู่เพียงวันเดียว ประเสริฐกว่าผู้นั้น



สำหรับประวัติของอีสป  นักเล่านิทานชื่อดัง เป็นทาสชาวกรีกคนหนึ่งซึ่งมีชีวิตอยู่ในช่วงเวลา 560 - 620 ปีก่อนคริสต์ศักราช หรือ 208 ปี ก่อนพุทธศักราช (พระพุทธเจ้าประสูติเมื่อ 80 ปี ก่อนพุทธศักราช) นับเวลาถึงปัจจุบันได้ 2,755 - 2,815 ปี เขาอาศัยอยู่ที่เมืองซาร์ดิสบนเกาะซามอสของประเทศกรีก เกาะนี้ตั้งอยู่ที่นอกชายฝั่งของประเทศตุรกีในปัจจุบัน ในสมัยกรีกโบราณชายฝั่งทะเลทั้งหมดของประเทศตุรกีก็มีชาวกรีกอาศัยอยู่อย่างหนาแน่น อีสปเป็นคนพิการ ขี้เหร่ แต่เขามีจิตใจที่งดงาม ตรงกันข้ามกับสังขาร ในระหว่างที่เป็นทาส อีสปได้นำชื่อเสียงมาสู่ตนเองและนายของเขาด้วยการเป็นนักเล่านิทานผู้มีความสามารถจนเป็นที่รู้จักกันดีในท้องถิ่นนั้น ในที่สุดอีสปก็ถูกปลดปล่อยให้เป็นอิสระจากการเป็นทาส เนื่องจากความเป็นผู้ที่มีไหวพริบและสติปัญญาอันเฉียบแหลมของเขานั่นเอง 



เมื่ออีสปได้รับอิสรภาพนั้น เขามีชื่อเสียงโด่งดังในการเล่านิทานมากจนได้รับเชิญให้ไปทำงานอยู่ในราชสำนักของกษัตริย์เครซุส ซึ่งทรงเป็นกษัตริย์องค์สุดท้ายแห่งราชอาณาจักรลิเดียของเอเซียไมเนอร์ ขณะนั้นราชสำนักแห่งนี้มีนักปราชญ์ราชบัณฑิตผู้ฉลาดรอบรู้อยู่แล้วหลายท่านเช่น โซลอน แห่งกรุงเอเธนส์ และเทลีส แห่งมิเลทัส เป็นต้น ในไม่ช้ากษัตริย์เครซุสก็ทรงโปรดปรานอดีตทาสผู้นี้อย่างรวดเร็ว เพราะทรงพอพระทัยในสติปัญญาอันเฉียบแหลมและไหวพริบตามธรรมชาติของเขา



ขณะนั้นกษัตริย์เครซุสทรงเป็นประมุขแห่งนครรัฐเล็ก ๆ ทั้งหลายของกรีกด้วย พระองค์ทรงส่งอีสปให้ไปปฏิบัติหน้าที่ราชทูตยังเมืองหลวงของนครรัฐเหล่านี้ อีสปใช้นิทานของเขาทำให้เกิดความสำเร็จในการปฏิบัติหน้าที่ ที่เมืองโครินธ์ อีสปใช้นิทานของเขา เป็นสื่อตักเตือนชาวเมืองถึงภยันอันตรายที่จะเกิดขึ้นจากการใช้กฎหมู่ที่กรุงเอเธนส์ เขาใช้นิทาน เรื่อง "กบเลือกนาย" เป็นสื่อชักชวนให้ชาวเมืองเลื่อมใสในการปกครองของปีซัสเตรตัส เป็นผลสำเร็จ 



อวสานชีวิตของอีสปมาถึง เมื่อกษัตริย์เครซุสส่งเขาไปปฏิบัติหน้าที่ราชทูตที่เมืองเดลฟิ ณ เมืองนี้ อีสปเล่านิทานโดยใช้สัตว์เป็นสัญญาณบอกความจริงเกี่ยวกับความอยุติธรรมทางการเมืองให้ชาวเมืองรู้ การกระทำของเขาได้จุดไฟแห่งความโกรธแค้น ให้ไหม้โหมกระหน่ำในหัวใจของนักการเมืองแห่งเมืองเดลฟิอย่างหนัก  นักการเมืองเหล่านี้จึงคิดแก้แค้นอีสป โดยการแอบเอาขันทองศักดิ์สิทธิ์แห่งวิหารเทพอะพอลโลไปใส่ไว้ในกระเป๋าสัมภาระของอีสป แล้วกล่าวหาว่าเขาเป็นขโมย ในที่สุดอีสปจึงถูกตั้งข้อหาว่ากระทำการลบหลู่และทำลายชาวเดลฟิอย่างร้ายแรง อีกทั้งเป็นคนป่าเถื่อนและดุร้าย อีสปถูกตัดสินประหารชีวิตโดยถูกโยนลงมาจากหน้าผาสูงจนถึงแก่ความตาย ไปอย่างน่าเสียดายในที่สุด



จะเป็นด้วยเจตนาที่อีสปสร้างเรื่องราว เพื่อสั่งสอนให้คนทำความดี รู้จักตัวเอง มีคุณธรรม แต่เขารู้ว่า เขาจะทำอย่างตรงๆไม่ได้เพราะจะมีภัยมาถึงตัว เขาจึงผูกเรื่องเพื่อการสั่งสอนของเขาออกเป็นเรื่องราว และใช้ตัวแสดงในเรื่องราวของเขาเป็นสัตว์ชนิดต่าง ๆ เป็นส่วนใหญ่ เพื่อให้คนฟังเข้าใจว่า เป็นเรื่องเล่าขานกันเพื่อความสนุกสนานอย่างเดียว ไม่เกี่ยวกับการสั่งสอนใคร  ด้วยเหตุนี้เอง การเล่าเรื่องของอีสป จึงไม่มีใครคิดว่า เขากำลังสั่งสอนให้คนอยู่ในศีลในธรรม แต่ทุกคน ฟังเรื่องราวของเขาเพราะความสนุกสนาน  เรื่องราวของเขาจึงถูกเรียกขานกันในนามว่า " นิทาน "



หลังจากที่อีสปตายไปไม่นานชาวเอเธนส์ผู้หนึ่ง ชื่อลีซิฟัสก็ได้ปั้นรูปของอีสปตั้งไว้ข้างหน้าของอนุสาวรีย์ยอดนักปราชญ์ ทั้งเจ็ดของชาวเอเธนส์ซึ่งถือได้ว่าอีสปได้รับการยกย่องเทียบเท่ากับยอดนักปราชญ์ ผู้โด่งดังของชาวเอเธนส์ในยุคนั้นทีเดียว นิทานอีสปได้รับการเผยแพรเรื่อยมาตลอดชั่วระยะเวลากว่าสามพันปี นิทานของอีสปจึงกลายเป็นนิทานอมตะ ที่ไม่มีวันตายไปจากโลกนี้ แทบจะบอกได้เลยว่า นิทานอีสปนั้นมีอยู่ในทุกประเทศทุกหนทุกแห่งในโลกนี้ก็ว่าได้ 



ขอบคุณ ข้อมูลจาก https://www.kalyanamitra.org/th/Aesop_detail.php?page=4181

ข่าวทั้งหมด

X