ตำรวจปราบปรามยาเสพติด แถลงผลการกวาดล้างและจับกุมเครือข่ายยาเสพติดที่ลักลอบนำเข้าและจำหน่าย ระหว่างวันที่ 28 พฤษภาคม-4 มิถุนายน ซึ่งจับกุมกลุ่มผู้ค้ารายใหญ่ได้ 6 คดี ผู้ต้องหา 10 คน พร้อมยึดยาบ้าได้มากกว่า 1 ล้าน 7 แสนเม็ด กัญชา 300 กิโลกรัม และเคตามีนกว่า 20 กิโลกรัม รวมมูลค่ากว่า 200 ล้านบาท ยึดทรัพย์สินรวมกว่า 249 ล้านบาทพล.ต.ท.ชินภัทร สารสิน ผู้บัญชาการตำรวจปราบปรามเสพติด เปิดเผยว่า ที่น่าสนใจคือ จากยุทธการสยบไพรี 62/11 ทลายเครือข่ายปั้นน้ำเป็นเงิน ที่จังหวัดกาฬสินธุ์ เมื่อวันที่ 1 มิถุนายน สามารถจับกุมผู้ต้องหา 4 ราย ประกอบด้วย น.ส.จันทร์เพ็ญ วิเชียรฉาย, นายชาญยุทธ เนาวบุตร, น.ส.ภัทรรินทร์ เพชร์นอก และนายอิทธิพล ภูนายาว ยึดทรัพย์ได้กว่า 34 ล้านบาท และยังหลบหนีอีก 1 รายคือนายภูษิต อินอ่อน ซึ่งนายภูษิตมีประวัติค้ายาเสพติดมาตั้งแต่อายุ 17 ปี และกลายมาเป็นนักค้ายาเสพติดรายใหญ่ในพื้นที่ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ
สำหรับเครือข่ายนี้จะนำยาเสพติดมาจากประเทศเพื่อนบ้าน แล้วกระจายต่อในพื้นที่ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ กรุงเทพมหานคร ปริมณฑล ภาคใต้และออกไปยังประเทศที่ 3 โดยนำรายได้ไปลงทุนทำรีสอร์ทในพื้นที่และธุรกิจเกี่ยวกับน้ำดื่มที่สปป.ลาว
พล.ต.ท.ชินภัทร กล่าวว่า ผู้ต้องหาใช้โอกาสในช่วงการเมืองวุ่นวาย ประกอบกับเริ่มเข้าฤดูฝนเร่งลำเลียงยาเสพติดเข้ามา ทำให้จับกุมผู้ค้าได้จำนวนมาก ซึ่งยังพบว่าผู้ค้ามีการเปลี่ยนเส้นทางการลำเลียง ไปทางจังหวัดกาญจนบุรี ระยอง ตราด และระนองเพื่อหลีกเลี่ยงการสกัดจับ
ส่วนอีกคดี ผู้ต้องสงสัยคือ นายสุนทร กลิ่นหอม จับกุมได้พร้อมของกลางกัญชา 300 กิโลกรัม ลักลอบขนมาจากพื้นที่ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ โดยเฉพาะจากจังหวัดมุกดาหาร มาจำหน่ายในกรุงเทพมหานครและปริมณฑล ซึ่งผู้บัญชาการตำรวจปราบปรามเสพติด ยืนยันว่า การใช้กัญชายังเป็นการกระทำผิดกฎหมาย เว้นแต่ใช้ในทางการแพทย์และตามแพทย์สั่ง
ส่วนที่มีรายงานว่า ทางการออสเตรเลีย ยึดไอซ์ 1.6 ตัน และเฮโรอีน 37 กิโลกรัม ที่คนร้ายซุกซ่อนไว้ในลำโพง โดยพบว่าเส้นทางการลำเลียงคือจากกรุงเทพมหานครไปยังเมืองเมลเบิร์น ของออสเตรเลีย ผู้บัญชาการตำรวจปราบปรามยาเสพติด เปิดเผยว่ายังไม่ได้รับรายงานอย่างเป็นทางการ แต่ก็มีความเป็นไปได้ ที่ขบวนการค้ายาเสพติดจะใช้ประเทศไทยเป็นทางผ่าน และขนส่งไปทางเรือ
...