ความเคลื่อนไหวเมืองไทยวันนี้ วันพุธที่ 5 มิถุนายน 2562
+++วันนี้ ต้องติดตามการประชุมรัฐสภา เพื่อเลือกนายกรัฐมนตรี ในเวลา 11.00 น. เป็นต้นไป ซี่งนายชวน หลีกภัยประธานรัฐสภา ไม่จำกัดเวลาในการอภิปราย ส่วนผู้ที่ได้รับการเสนอชื่อ เป็นนายกรัฐมนตรีจะได้แสดงวิสัยทัศน์หรือไม่ ต้องติดตาม
+++ก่อนหน้านี้ พรรคประชาธิปัตย์ มีมติ 61 ต่อ 16 เสียง ร่วมรัฐบาล พรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) งดออกเสียง 2 เสียง และบัตรเสีย 1 ใบ นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ได้แถลงมติพรรคในการร่วมรัฐบาลกับพรรคพลังประชารัฐสาเหตุที่ตอบรับร่วมรัฐบาลคือพรรคได้รับการตอบรับโดยเฉพาะนโยบายสร้างคนสร้างชาติ โดยที่ประชุมได้นำหลายปัจจัยมาพิจารณาโดยเฉพาะจุดยืนของอดีตหัวหน้าพรรคที่ประกาศก่อนหน้านี้ รวมทั้งความต้องการของประชาชน พรรคตระหนักดีว่าประชาชนได้ตัดสินให้พรรคได้ที่นั่ง 53 เสียง จึงทำให้เป็นพรรคขนาดกลางจึงเป็นเหตุผลที่ทำให้พรรคไม่สามารถบรรลุความเห็นได้ การตัดสินใจพรรคจึงยึดผลประโยชน์ประเทศมากกว่าความต้องการพรรค ขณะเดียวกันควรที่จะต้องมีการตั้งรัฐบาลได้โดยเร็วเพื่อปิดสวิตช์ คณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.)รวมทั้งเพื่อเดินหน้าไปสู่การแก้ไขรัฐธรรมนูญ เมื่อพรรคมีมติเข้าร่วมรัฐบาลจึงมีมติสนับสนุนพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา เป็นนายกรัฐมนตรี
++++ซึ่งภายหลังการประชุม นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ อดีตหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวกับผู้สื่อข่าวว่า "เดี๋ยวพรุ่งนี้ก็ทราบแล้วครับ" หลังพรรคประชาธิปัตย์ มีมติต่างออกไปจากที่เคยแสดงจุดยืนไว้ จะลงมติโหวตนายกรัฐมนตรีในวันนี้ก่อนออกจากพรรคทันทีด้วยสีหน้าเรียบเฉย
+++นายอุตตม สาวนายน หัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ(พปชร.) นายสนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์ เลขาธิการพรรค นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ ส.ส.บัญชีรายชื่อ นายกอบศักดิ์ ภูตระกูล โฆษกพรรค พร้อมด้วยแกนนำ 5 พรรคการเมือง ประกอบด้วย นายทวีศักดิ์ ณ ตะกั่วทุ่ง เลขาธิการพรรครวมพลังประชาชาติไทย นายสุวัจน์ ลิปตพัลลภ ประธานที่ปรึกษาพรรคชาติพัฒนา นายชัชวาลย์ คงอุดม หัวหน้าพรรคพลังท้องถิ่นไท นายดำรงค์ พิเดช หัวหน้าพรรครักษ์ผืนป่าประเทศไทย และนายไพบูลย์ นิติตะวัน หัวหน้าพรรคประชาชนปฏิรูป แถลงข่าวร่วมจัดตั้งรัฐบาล โดยบรรยากาศเป็นไปอย่างชื่นมื่น มีตำรวจสันติบาลนอกเครื่องแบบ สังเกตการณ์ตลอดการแถลงข่าว เป็นที่สังเกตว่าเมื่อการแถลงข่าวผ่านไปประมาณ 10 นาที นายสมศักดิ์ เทพสุทิน ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคพปชร.ได้ลุกออกจากห้องข่าวโดยไม่กลับเข้ามาอีก ส่วนที่พรรคประชาธิปัตย์ พรรคภูมิใจไทยและพรรคชาติไทย ไม่เข้าร่วมแถลงข่าว เนื่องจากแกนนำพรรคพปชร.ได้เดินทางไปเชิญอย่างเป็นทางการเพื่อร่วมจัดตั้งรัฐบาลก่อนหน้านั้นแล้ว อย่างไรก็ตามมีรายงานว่าภายหลังการโหวตเลือกนายกรัฐมนตรีพรรคร่วมรัฐบาลทั้งหมดจะมีการแถลงข่าวอย่างเป็นทางการร่วมกันอีกครั้ง
+++นายอุตตม ยืนยันว่า เจตนารมณ์ ยังเปิดกว้างคือการตั้งรัฐบาลที่มีเสถียรภาพทำงานเพื่อประชาชนได้ เราหารือแนวทางการร่วมงานพูดคุยเชิงนโยบายแต่ละพรรคมีนโยบายที่ดีกับประชาชนไว้เมื่อมาทำงานร่วมกันต้องหารือกันให้ชัดเจนว่าจะร่วมกันขับเคลื่อนอย่างไร จากนั้นจะนำไปสู่การจัดสรรโครงสร้างบุคลากรหน่วยงานที่จะทำให้การขับเคลื่อนนโยบายและเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ
+++ส่วนนายสุวัจน์ กล่าวว่า กว่าสองเดือนที่มีการเลือกตั้ง เป็นสิ่งที่ประชาชนสอบถามและกังวลเรื่องการจัดตั้งรัฐบาลทั้งต่างประเทศ นักลงทุน ต่างบอกว่าเมื่อมีการเลือกตั้ง และตั้งรัฐบาลได้ เหตุการณ์ต่างๆของบ้านเมืองก็จะเข้าสู่ภาวะปกติ และก็จะทำงานแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจโดยเฉพาะภาคเศรษฐกิจที่ต้องการมาตรฐานและนโยบายเร่งด่วนจากรัฐบาลใหม่ที่จะเข้ามาแก้ปัญหาขณะที่นักลงทุน ภาคการส่งออกต่างๆต้องการเห็นนโยบายที่ชัดเจนจากรัฐบาลใหม่“วันนี้สงครามการค้าต้องการรัฐบาลใหม่เข้ามากอบกู้ และครั้งนี้เป็นครั้งแรกที่มีตั้งแต่หนึ่งเสียงถึงร้อยเสียง เกือบ 30 พรรค เป็นความหลากหลายทางประชาธิปไตย คงไม่ใช่เรื่องง่ายในการร่วมเป็นรัฐบาลเพราะเสถียรภาพของรัฐบาลที่มีพรรคการเมืองเยอะ จึงไม่เรื่องง่ายในการจัดตั้งรัฐบาลที่มีเสถียรภาพ ทั้งนี้ก่อนที่จะตอบรับคำเชิญพรรค พลังประชารัฐ พรรคชาติพัฒนา มีนโยบายเศรษฐกิจที่สำคัญตามที่บอกไว้กับประชาชนคือก้าวหน้า ก้าวไกล ไทยไร้ 9 ประการ อาทิ สังคม เศรษฐกิจรากหญ้า พลังงาน ฯ หวังว่าพรรคพลังประชารัฐ จะพิจารณาข้อเสนอของพรรค และเมื่อรับคำเชิญแล้วทางพรรคจะประชุมเพื่อมีมติอย่างเป็นทางการต่อไป”
+++ด้าน นายสุเทพ เทือกสุบรรณ ผู้ร่วมก่อตั้งพรรครวมพลังประชาชาติไทย (รปช.) กล่าวว่า พรรครปช.ยืนยันมาโดยตลอดว่า ให้การสนับสนุนพรรค พปชร.และยืนยัน พล.อ.ประยุทธ์ เหมาะสมที่จะเป็นนายกฯมากที่สุดในเวลานี้และวันที่ 5 มิถุนายนนี้ ถือเป็นวันสำคัญที่จะมีการโหวตเลือกนายกฯ ซึ่งเป็นไปตามกฎหมายขั้นตอนของรัฐธรรมนูญ คือ การใช้เสียงข้างมากจากสมาชิกวุฒิสภา จึงไม่มีอะไรที่ต้องน่ากังวล เมื่อได้นายกฯแล้วจากนั้นก็จะเป็นการจัดตั้งรัฐบาล คัดเลือกคนที่เหมาะสมมาทำงาน ซึ่งพรรค รปช.ไม่มีการต่อรองใดๆ
+++ด้านกลุ่มสามมิตรเก่า แกนนำพรรคพลังประชารัฐ นำโดย นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ นายสมศักดิ์ เทพสุทิน และนายอนุชา นาคาศัย ได้นัดส.ส.กว่า 30 คน ร่วมรับประทานอาหารและหารือต่อการทำหน้าที่ของส.ส.ในสภา รวมทั้งการโหวตเลือกนายกรัฐมนตรีในวันนี้ด้วย นายสุริยะ กล่าวว่า แม้จะเป็นหนึ่งในแกนนำ แต่ไม่เคยออกมาพูดขอตำแหน่งใดๆ สำคัญที่สุดคือ ทางพรรคเองต้องมีกระทรวงที่ตอบสนองกับนโยบายการหาเสียง หากพรรคไม่เก็บกระทรวงสำคัญๆไว้เลย การเลือกตั้งครั้งหน้า ส.ส.ของเราจะไม่มีที่ยืน ทั้งนี้เรามั่นใจว่า พล.อ.ประยุทธ์ จะได้เป็นนายกฯอีกครั้ง ตามกลไกของรัฐธรรมนูญ
+++พล.อ.ประยุทธ์ ให้สัมภาษณ์หลังการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.)ถึงเหตุผลในการปฏิเสธไม่ไปแสดงวิสัยทัศน์ในวันโหวตนายกรัฐมนตรี 5 มิ.ย.นี้ว่า เรื่องการแสดงวิสัยทัศน์ตนได้ตอบไปแล้ว ที่ผ่านมาได้ทำหน้าที่โดยพยายามทำให้ดีที่สุด พยายามแก้ไขปัญหาต่างๆ มากมาย ทั้งนี้ วิสัยทัศน์ของตนคือมั่นคง มั่งคั่ง ยั่งยืน ภายในหลักการสามัญคือการมองอนาคตไปข้างหน้า นั่นคือวิสัยทัศน์และเราได้มีแผนปฏิบัติราชการมาโดยตลอด ส่วนวันนี้จะเป็นอย่างไร จะเกิดอะไรขึ้นก็ขอให้มองในทางที่ดี อย่าไปมองในทางที่ไม่ดี เชื่อในวุฒิภาวะของบรรดาส.ส.และส.ว. สมาชิกผู้ทรงเกียรติทั้งหลาย รวมถึงขีดความสามารถ ประสบการณ์ของประธานรัฐสภาทั้งสองท่าน น่าจะทำให้การประชุมในวาระการเลือกนายกฯ ดำเนินการต่อไปได้ตามรัฐธรรมนูญและกฎหมายที่เกี่ยวข้อง
+++จากท่าทีของพรรคประชาธิปัตย์เท่ากับว่า ขณะนี้พปชร.มีเสียงสนับสนุนแล้วทั้งสิ้น504เสียงแบ่งเป็น พปชร. 116 เสียง ชพน. 3 เสียง รปช. 5 เสียง พทท. 3 เสียง รป. 2 เสียง ปชป. 53 เสียง ภูมิใจไทย 51 เสียง ชาติไทยพัฒนา (ชทพ.) 10 เสียง พรรคเล็ก 11 เสียง และ สว. 250 คน รวมเป็น 504 เสียง โดยตัดในส่วนของนายชวน หลีกภัย ประธานสภา และนายพรเพชร วิชิตชลชัย ประธานวุฒิสภา ซึ่งต้องงดออกเสียงออก 2 เสียง จะเหลือ 502 เสียง
+++ด้านภาพรวมตลาดทุนไทยวานนี้ (4มิ.ย.) ขานรับความเชื่อมั่นของนักลงทุนที่เพิ่มขึ้น จากภาพการเมืองที่มีความชัดเจน หลังจะมีการโหวตเลือกนายกรัฐมนตรีวันนี้ ส่งผลให้ตลาดหุ้นไทยปรับขึ้นแรงในช่วงบ่ายของวัน โดยระหว่างวันปรับขึ้นสูงสุดกว่า 20 จุด ก่อนจะย่อตัวลงมาปิดตลาดที่ระดับ 1,637.69 จุด ปรับขึ้น 17.47 จุด สวนตลาดหุ้นในภูมิภาค มูลค่าซื้อขาย 6.5 หมื่นล้านบาท โดยนักลงทุนต่างชาติซื้อสุทธิกว่า 5.8 พันล้านบาท
+++ขั้วเพื่อไทย นายภูมิธรรม เวชยชัย เลขาธิการพรรค ระบุว่า พรรคมีมติไม่เสนอชื่อแคนดิเดตนายกฯ และจะสนับสนุนแนวทางของทั้ง 7 พรรคที่เปิดโอกาสให้นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ หัวหน้าพรรคอนาคตใหม่ ได้แข่งขันกับ พล.อ.ประยุทธ์ โดยพรรคไม่ขอรับตำแหน่งใดๆ เพื่อทำให้แนวร่วมที่จับมือร่วมกันได้ ด้านนายธนาธร กล่าวว่า วันนี้จะเป็นวันสำคัญที่จะชี้ทิศทางของประเทศไทย ซึ่งส.ส.จากพรรคอนาคตใหม่จะเสนอชื่อตนเป็นนายกรัฐมนตรี โอกาสนี้ขอขอบคุณพรรคเพื่อไทย แกนนำและส.ส.พรรคเพื่อไทย ทุกคน ที่แม้จะเป็นพรรคที่ได้คะแนนเสียงจากประชาชนมากที่สุด แต่ก็ได้แสดงสปิริตที่น่ายกย่อง โดยไม่ยึดติดกับตำแหน่งและผลประโยชน์ใดๆ อย่างไรก็ดียืนยันว่าตนพร้อมที่จะแสดงวิสัยทัศน์ต่อหน้าสมาชิกรัฐสภาในวันนี้ ไม่ว่าพล.อ.ประยุทธ์จะมาหรือไม่
+++วันเดียวกันนายปิยบุตร แสงกนกกุล เลขาธิการพรรคอนาคตใหม่ พร้อมด้วย ส.ส. ทั้ง 80 คน เข้ายื่นเอกสารคำร้องต่อประธานสภา เพื่อขอให้ส่งคำร้องไปยังศาลรัฐธรรมนูญ เพื่อวินิจฉัยคุณสมบัติส.ส.จากกรณีการถือหุ้นกิจการสื่อที่มี ส.ส.เข้าข่ายกว่า 30 คน รวมทั้งยื่นญัตติให้สภามีการตรวจสอบคุณสมบัติและลักษณะต้องห้ามของบุคคลที่ถูกเสนอชื่อเป็นนายกรัฐมนตรี ก่อนลงมติให้ความเห็นชอบ
+++กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเตรียมจัดงานวันสิ่งแวดล้อมโลก "Beat Air Pollution : หยุดหมอกควันและอากาศพิษ เพื่อคุณภาพชีวิตและสิ่งแวดล้อม" วันที่ 5 มิถุนายน 2562 ที่อิมแพ็คฟอรั่ม เมืองทองธานี จ.นนทบุรี ปลุกคนไทยประชาคมโลกใส่ใจต่อปัญหามลพิษทางอากาศ
+++นายวิจารย์ สิมาฉายา ปลัดกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม (ทส.) กล่าวว่าองค์การสหประชาชาติได้กำหนดให้วันที่ 5 มิ.ย.ของทุกปี เป็นวันสิ่งแวดล้อมโลก เพื่อให้ทั่วโลกตื่นตัวกับวิกฤติการณ์สิ่งแวดล้อมที่เกิดขึ้น ร่วมกันหาแนวทางป้องกันและลงมือแก้ไข โดยปีนี้ โครงการสิ่งแวดล้อมแห่งสหประชาชาติ (United Nations Environment Programme หรือ UNEP) รณรงค์ภายใต้คำขวัญ "Beat Air Pollution" หรือที่ประเทศไทยใช้คำขวัญรณรงค์ว่า "หยุดหมอกควันและอากาศพิษ เพื่อคุณภาพชีวิตและสิ่งแวดล้อม" ซึ่งปีนี้ สาธารณรัฐประชาชนจีนเป็นเจ้าภาพการจัดงาน
+++ข้อมูลจาก UNEP พบว่า 9 ใน 10 ของประชากรโลกหายใจเอาอากาศที่ปนเปื้อนมลพิษเข้าไป ทำให้แต่ละปีมีผู้เสียชีวิตก่อนวัยอันควรราว 7 ล้านคน ในจำนวนนี้ เกินครึ่ง (4 ล้านคน) อยู่ในแถบเอเชียแปซิฟิก คิดเป็นมูลค่าความเสียหายทางเศรษฐกิจในระดับโลกถึง 5 ล้านล้านเหรียญสหรัฐฯต่อปี และในปีนี้ กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมโดยกรมส่งเสริมคุณภาพสิ่งแวดล้อม จัดกิจกรรมที่น่าสนใจ เช่น การปาฐกถาพิเศษ เรื่อง "บทเรียนการแก้ไขมลพิษทางอากาศระดับประเทศ การเสวนาเรื่อง "การขับเคลื่อนให้เกิดการมีส่วนร่วมของทุกภาคส่วนในการแก้ไขปัญหามลพิษคุณภาพอากาศ" รวมทั้งนิทรรศการของหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เช่น UNEP สถาบันการจัดการบรรจุภัณฑ์และรีไซเคิลเพื่อสิ่งแวดล้อม