ในวันพรุ่งนี้ พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี มีกำหนดการเดินทางเยือนกัมพูชา เพื่อหารือในประเด็นการค้า การลงทุน การท่องเที่ยว การตัดไม้พยูง และเรื่องพลังงานในพื้นที่ทับซ้อน ซึ่งพลเอกประยุทธ์กล่าวว่า จะไม่นำความขัดแย้งเดิมมาพุดคุย เช่น กรณีเขาพระวิหาร เพราะเห็นว่าควรเน้นไปที่การช่วยเหลือระหว่างประเทศเพื่อนบ้านด้วยเพื่อก้าวสู่ประชาคมโลก นอกจากนี้ จะพูดคุยเรื่อง การทำ MOUปัญหาการค้ามนุษย์ และแรงงานต่างด้าว เพื่อต่อยอดการจดทะเบียนแรงงานต่างด้าว ซึ่งหากพบว่ามีการนำคนต่างด้าวที่ไม่จดทะเบียนมาทำงาน จะสั่งให้ปิดกิจการในระยะหนึ่ง สำหรับการข่าวเรื่องการตั้งกองกำลังล้มล้างนายกรัฐมนตรีฮุนเซนผู้นำกัมพูชานั้น ทั้ง 2 ประเทศมีการพูดคุยกันตลอดเวลา หากพบว่ามีการดำเนินการจริง จะมีการประสานกำลังดูแล โดยนายกรัฐมนตรีกล่าวว่าขณะนี้ความร่วมมือกันระหว่าง 2ประเทศเป็นไปในทิศทางที่ดี มีความไว้ใจซึ่งกันและกัน
ส่วนที่พลเอกประวิตร วงศ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรีฝ่ายความมั่นคง เดินทางเยือนประเทศจีน นายกรัฐมนตรีกล่าวว่า ได้มอบหมายให้ไปพบปะตัวแทนจากกระมรวงคมนาคม และกระทรวงพาณิชย์ เพื่อหารือเรื่องข้าว และยางพารา ไม่ใช่การเดินทางไปเพื่อพบปะพันตำรวจโททักษิณ ชินวัตร และ นางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ซึ่งสื่อมวลชนได้ถามนายกรัฐมนตรีว่าหาก พลเอกประวิตร ไปหารือกับพันตำรวจโททักษิณ เรื่องการเดินทางเข้าประเทศไทยหรือไม่ นายกรัฐมนตรีก็ตอบว่า ไม่สามารถที่เจอกันได้ ไม่จำเป็นต้องเคลียร์กัน และจะไม่มีการเกลี่ยกล่อมใดใด เพราะเป็นเรื่องของกระบวนการกฏหมาย ยืนยันว่าทุกคนสามารถกลับประเทศได้ แต่ก็ต้องเข้าสู่กระบวนการ
ส่วนในการประชุมคณะหัวหน้าส่วนราชการระดับกระทรวงหรือเทียบเท่า ครั้งที่ 2/2557 ที่กระทรวงศึกษาธิการ ในวันนี้ พล.อ.ประยุทธ์ เปิดเผยว่า เป็นการหารือเพื่อทำความเข้าใจการทำงานของข้าราชการทุกกระทรวง ที่จัดขึ้นเป็นประจำทุกเดือน โดยในครั้งนี้เน้นย้ำ ให้ข้าราชการสามารถช่วยแบ่งเบาภาระงานของรัฐมนตรีแต่ละกระทรวง โดยให้เชื่อมโยงการทำงานระหว่าง ภาครัฐ ภาคเอกชน โรงเรียน มหาวิทยาลัย และ ผู้ประกอบการ เพื่อให้เร่งสร้างคนที่มีศักยภาพเป็น นักวิชาการ และสร้างคนให้มีอาชีพ เตรียมคนรองรับการแข่งขันก้าวสู่ประชาคมโลก พัฒนานักกีฬา
ทั้งนี้ทุกกระทรวงต้องสร้างการรับรู้ให้แก่ประชาชน ว่าการทำงานของรัฐบาลทำอะไรสำเร็จมาบ้าง โดยทุกกระทรวงต้องสื่อสารงานให้ประชาชนรับรู้ได้
ส่วนกรณีเหตุฆาตกรรมชาวอังกฤษ บนเกาะเต่า จ.สุราษฎร์ธานี หน่วยงานจากต่างประเทศ ที่ส่งผู้มาสังเกตการณ์ ขณะนี้พอใจการทำงานของไทย ซึ่งภาครัฐก็เปิดโอกาสให้ผู้ต้องหาสร้างต่อสู้คดีได้ มั่นใจว่าคดีจะไม่พลิกด้วยหลักฐาน หากจะพลิกก็จะเกิดจากการต่อสู้ทางคดี ซึ่งการที่นายวรท ตู้วิเชียร บุตรชายของผู้ใหญ่บ้านตำบลเกาะเต่า จะเดินทางตรวจดีเอ็นเอ อีกครั้ง นายกรัฐมนตรีกล่าวว่าสามารถทำได้ และทุกอย่างต้องเป็นไปตามหลักฐานละกระบวนการยุติธรรม
...ผสข.บุศรินทร์ วรสมิทธิ์